ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกโลหะ ปรับตัวลดลงด้วย
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 20.79 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ 5,196.84 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบสวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อาจจะฉุดอุปสงค์โลหะอ่อนตัวลงด้วย หลังจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวไม่เกิน 5% ต่อปีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการควบคุมการขยายตัวของเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
หุ้นบริษัทเหมืองแร่ที่ผลิตโลหะทองแดงร่วงลงอย่างหนักจากความกังวลในเรื่องดังกล่าว โดยหุ้นอันโตฟากัสต้า บริษัทเหมืองทองแดงของชิลี ดิ่งลง 3.2% หุ้นริโอทินโต บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ร่วงลง 3% และหุ้นเอ็กสตราต้าร่วงลง 3.9%
หุ้นบีพี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป ร่วงลง 2% หลังจากหนังสือพิมพ์อิโคโนมิค ไทม์ส รายงานว่า นายบ็อบ ดั๊ดลีย์ ซีอีโอของบีพียืนยันว่า บีพีจะหารือเรื่องการขายสินทรัพย์บางส่วนให้กับบริษัทรีไลอันซ์ อินดัสทรีส์
อย่าไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับข่าวรัฐสภาเยอรมนีลงมติอนุติการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ พุ่งขึ้น 1.7% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ดีดตัวขึ้น 1.7% เช่นกัน
ส่วนหุ้นเทท แอนด์ ไลล์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลเทียม "Splenda" พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้