ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ ทั้งยอดค้าปลีกเยอรมนีและข้อมูลภาคการผลิตจีน ซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว
ดัชนี FTSE 100 ร่วง 68.36 จุด หรือ 1.3% ปิดที่ 5,128.48 จุด และตลอดไตรมาส ดัชนีปรับตัวลง 14% ซึ่งเป็นการปิดท้ายไตรมาสที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2545 เนื่องจากความวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้ของกรีซจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติของเยอรมนีเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ร่วงลง 2.9% จากเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.3% โดยตัวเลขที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนับเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2550 หรือในรอบกว่า 4 ปี เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตหนี้ยุโรป ทำให้ผู้บริโภคไม่อยากจับจ่ายใช้สอย
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยธนาคารเอชเอสบีซีระบุว่า ภาคการผลิตของจีนยังคงชะงักงันในเดือนก.ย. เนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงอย่างหนักทั้งภายในและต่างประเทศ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย.ทรงตัวอยู่ที่ 49.9 จุด ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตหดตัวลง
ภาคการผลิตของจีนชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง และยังใช้มาตรการควบคุมในด้านอื่นๆ โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
ทั้งนี้ หุ้นธนาคารและบริษัทที่พึ่งพารายได้จากตลาดในเอเชียร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 5.2% และเอชเอสบีซีลดลง 3.1% ขณะที่คาซักมิส ผู้ผลิตทองแดงซึ่งรายได้เกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทมาจากจีน ร่วง 4.9% และบริษัทเจ้าของแบรนด์สินค้าหรูอย่าง เบอร์เบอร์รี่ กรุ๊ป ลดลง 2.3%