สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 86,409 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันคือ พันธบัตร ธปท. มีมูลค่าการซื้อขาย 83,765 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 97% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
สำหรับประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายเป็นลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่า 1,446 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 2 ปี 3 ปี และ 4 ปี (LB133A LB145B และ LB155A) เป็นที่นิยมซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,071 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายรวม 623 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ หุ้นกู้ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH153A) หุ้นกู้ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC136A) และหุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY123A) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 269 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด
นักลงทุนกลุ่มกองทุนมีสถานะซื้อสุทธิ 39,483 ล้านบาท กลุ่มนิติบุคคลในประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 9,386 ล้านบาท และกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ 4,386 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงอายุตราสาร หรือเฉลี่ยแล้วปรับตัวลดลงอยู่ในช่วงประมาณ -1 ถึง -4 Basis Point โดยเป็นผลจากการที่มีแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงต้นสัปดาห์ เพื่อเป็นการพักเงินในตลาดตราสารหนี้ จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศ นักลงทุนจึงเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 3 เดือน ปิดคงที่ที่ 3.46% และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุคงเหลือ 5 ปี ปิดที่ 3.39% ปรับตัวลดลง 0.01% จากวันก่อนหน้า