โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO) ยอดขายยังเติบโตต่อเนื่องทั้งจากสาขาเดิมและการขยายสาขาใหม่ในปีนี้ 8-10 แห่ง ทำให้ถึงสิ้นปีบริษัทจะมีสาขารวม 60 แห่ง รวมถึงการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นตลอดทั้งปี ที่ช่วยหนุนกำไรสุทธิปีนี้ที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมอาจกระทบยอดขายของบริษัทในระยะสั้น ซึ่งในพื้นที่เสี่ยงแม้สาขาจะไม่ได้ปิดให้บริการแต่ลูกค้าอาจไม่สะดวกในการเดินทางมาใช้จ่าย แต่หลังน้ำท่วมคลี่คลายมองว่าน่าจะกลับเป็นผลดีต่อยอดขายของบริษัท เนื่องจากลูกค้าในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมจะต้องใช้จ่ายซื้อสินค้าเพื่อซ่อมแซมบ้านเรือน
นอกจากนั้น ในปี 55 บริษัทยังได้รับผลดีจากการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายด้านภาษีลดลง อาจช่วยผลักดันกำไรสูงขึ้นบ้าง แต่อีกด้านบริษัทอาจมีภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และปรับเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 15,000 บาทด้วยเช่นกัน
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.กิมเอ็ง ซื้อ 10.20 บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 12.50 บล.ธนชาต ซื้อ 11.40 บล.เกียรตินาคิน ซื้อเก็งกำไร 9.80 บล.ฟิลลิป ซื้อ 11.75 บล.ทิสโก้ ถือ 10.80นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลประกอบการขอบริษัทที่ยังแข็งแกร่งมีมีแนวโน้มเติบโตต่อเน่องจากสาขาเดิมและสาขาใหม่ ปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขา 8-10 สาขา ทำให้จนถึงสิ้นปีบริษัทมีสาขาทั้งหมด 60 แห่ง ปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,970 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน โดยกำไรเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 3/54 และเติบโตแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 4/54 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมมองว่าเป็นปัญหาระยะสั้น ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสาขาใดๆ แต่เป็นผลกระทบในแง่ของลูกค้าที่ไม่มีความสะดวกในการเดินทางมาจับจ่าย จึงอาจกระทบยอดขายในระยสั้นๆเท่านั้น แต่มองว่าหลังน้ำท่วมคลี่คลายน่าจะเป็นผลบวกมากกว่า เพราะลูกค้าจะกลับมาจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อซ่อมแซมบ้าน
“น้ำท่วมคงประเมินได้ยากว่ามีผลต่อยอดขายแค่ไหน แต่มองว่าเป็นปัญหาระยะสั้นที่อาจกระทบยอดขายบ้าง ในแง่ของลูกค้าเดินทางลำบาก แต่ store ของบริษัทไม่ได้ถูกกระทบด้วย ดังนั้น โดยรวมน่าจะเป็นผลบวกหลังน้ำลดแล้ว" นางสาวสุทธาทิพย์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 55 มองว่า แม้รัฐบาลจะมีนโยบายในการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% แต่โดยรวมคงทำให้กำไรเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะอีกด้านรัฐบาลก็มีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท ปรับเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่สูงขึ้นเช่นกัน
นางสาวณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดขณะนี้ อาจกระทบยอดขายของบริษัทในพื้นที่เสี่ยงบ้าง เช่น จ.อยุธยา จ.ลพบรี แต่สาขาของบริษัทยังเปิดให้บริการตามปกติ และยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่น่ามีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยอดขายหลักของบริษัทมีจากสาขาอื่นกว่า 98% ขณะที่มองว่าหลังน้ำลดคลี่คลายแล้ว อาจทำให้สาขาในพื้นที่เสี่ยงเหล่านั้น จะมียอดขายในสินค้ากลุ่มซ่อมแซมบ้านเพิ่มขึ้นอย่ามีนัยสำคัญ
ผลประกอบการในไตรมาส 3/54 คาดว่ากำไรของบริษัทเติบโต 26% จากกำลังซื้อที่ดีขึ้นจากปีก่อนและการจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง และการขยายสาขาใหม่ๆ ขณะที่ในไตรมาส 4/54 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันและมีการจัดงาน HomePro Expo จะสร้างยอดขายและกำไรเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นทั้งปี 54 คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโต 24%
แต่ในปี 55 คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตโดดเด่น จากแรงหนุนของการขยายสาขา 8-10 แห่ง และยังได้รับประโยชน์จากการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดภาระค่าใช้จ่ายภาษี จึงคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทในปี 55 จะเติบโต 35% และมองว่ากำไรสุทธิของบริษัทใน 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 20%
“ปกติกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทมีค่อนข้างสูง ซึ่งการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% ทำให้ค่าใช้จ่ายภาษีลดลงทันที ซึ่งมองว่าจะช่วยผลักดันกำไรของบริษัทในปี 55-56 เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10-14%"นางสาวณัฏฐ์วริน ระบุ