TFM ท้าโลว์ซีซั่นอวดกำไร Q1/68 พุ่ง 26.8% เดินหน้าปรับพอร์ตสินค้ามาร์จิ้นสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 30, 2025 16:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ [TFM] เปิดเผยผลดำเนินงานในไตรมาส 1/68 สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยยอดขาย 1,231.3 ล้านบาท โดยพอร์ตอาหารกุ้งยังเติบโตได้ดีถึง 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการเดินหน้าขยายส่วนแบ่งการตลาด ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีทำกำไรสุทธิได้ถึง 131.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 26.8% สะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์มุ่งเน้นบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งการบริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบ การปรับพอร์ตสินค้าที่หันมาเน้นขายกลุ่มสินค้า High Margin ส่งผลให้ผลักดันอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) เพิ่มขึ้นเป็น 21.7% สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 5.6%

"ถึงแม้ไตรมาสแรกของปี 68 จะอยู่ในช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจ แต่ TFM ยังสามารถทำรายได้และมีกำไรสุทธิที่น่าพอใจ รวมถึง อัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโตได้ติดต่อกัน 5 ไตรมาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของอาหารกุ้งที่ยังคงเติบโตได้ดีจากการขยายส่วนแบ่งการตลาดอย่างต่อเนื่อง" นายพีระศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ สัดส่วนยอดขายตามผลิตภัณฑ์ในไตรมาส 1/68 แบ่งเป็นยอดขายอาหารกุ้ง 63% อาหารปลา 29% อาหารสัตว์บก 7% และอื่นๆ ประมาณ 1% โดยอาหารกุ้งเป็นกลุ่มสินค้าที่เติบโตได้ดี ซึ่ง TFM มีส่วนแบ่งการตลาดอาหารกุ้งในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มลูกค้าใหม่และการเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเดิม โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมาจากภาคตะวันออกและภาคใต้ ขณะที่รายได้จากอาหารปลาแม้ว่าหดตัวเล็กน้อยเนื่องจากในไตรมาสแรกของปีมีอากาศหนาวกว่าปกติและเป็นผลจากสถานการณ์ลูกปลาขาดแคลน แต่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 2 ที่สภาพอากาศอบอุ่นขึ้นตามฤดูกาลปกติ

ส่วนยอดขายส่งออกอาหารกุ้งเติบโตเป็นสามเท่าตัวของช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากลูกค้าต่างประเทศหลักในประเทศศรีลังกาฟื้นตัวจากภาวะโรคระบาดและอุทกภัยในปีก่อน โดยบริษัทฯ ยังเร่งเพิ่มยอดขายส่งออกทั้งการเพิ่มลูกค้าในประเทศใหม่ๆและการรักษาฐานลูกค้าเดิม

ส่วนการลงทุนไลน์การผลิตใหม่ซึ่งเป็นโครงการ BOI เป็นไปตามแผนที่คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดในช่วงกลางปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาษีในช่วงครึ่งปีหลัง และแม้จะมีการลงทุนดังกล่าว ณ สิ้นไตรมาส 1/68 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่ 0.32 เท่า นับเป็นระดับต่ำมากสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดและสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่พร้อมรับมือกับความผันผวนตลอดจนโอกาสในการลงทุนในอนาคต

นอกจากนี้ ในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ของหุ้นสามัญจากเดิมหุ้นละ 2 บาท เป็น 1 บาท เพื่อเดินหน้าเพิ่มสภาพคล่องหุ้นของบริษัทฯ โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงพาร์จะส่งผลให้ TFM มีหุ้นจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 2 บาท เป็น1,000 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท ซึ่งการซื้อขายที่ราคาพาร์ใหม่ได้เริ่มมีผลไปแล้วในวันที่ 24 เมษายน 2568 ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงหุ้นของบริษัทฯ ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีในสภาวะที่การลงทุนมีความผันผวน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวถึงแนวโน้มในไตรมาส 2/68 ว่า จะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ คาดว่าเกษตรกรจะลงลูกกุ้งและลูกปลาเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ยอดขายอาหารสัตว์น้ำเติบโต ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์สำคัญสองด้านควบคู่กันไป ได้แก่ กลยุทธ์ Farmer Engagement ที่มุ่งเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเกษตรกร เพื่อพัฒนาระบบการผลิตร่วมกันและสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของเกษตรกร และอีกกลยุทธ์คือ Sustainability ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยไม่เพียงแต่ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม กลยุทธ์เหล่านี้ตอกย้ำถึงความพร้อมรอบด้านของ TFM ในการก้าวไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์น้ำให้เติบโตอย่างยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ