
บลจ.อีสท์สปริง เปิดตัวกองทุน Thai ESGX พร้อมกัน 2 กอง "ES-DIV70THAIESGX" กองทุนผสมเน้นลงทุนหุ้นไทยปันผลดีกับตราสารหนี้ ESG และ "ES-DIVTHAIESGX" กองทุนตราสารทุนเน้นลงทุนหุ้นไทยปันผลดี เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 2-8 พฤษภาคม 2568 สำหรับเงินลงทุนใหม่ และเปิดขายอีกครั้งพร้อมให้สับเปลี่ยนกองทุน LTF ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม- 30 มิถุนายน 2568 เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีปี 2568 สูงสุด 600,000 บาท
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า 2 กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) ของอีสท์สปริง คือ กองทุนเปิดอีสท์ปริง หุ้นปันผล 70 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (ES-DIV70THAIESGX) ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยปันผลดีและตราสารหนี้ ESG และ กองทุนเปิดอีสท์ปริง หุ้นปันผล ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (ES-DIVTHAIESGX) เป็นกองทุนตราสารทุน ที่เน้นลงทุนหุ้นไทยปันผลดี โดยมีมูลค่าโครงการกองทุนละ 5,000 ล้านบาท
โดยทั้ง 2 กองทุน มีชนิดหน่วยลงทุนให้เลือกลงทุนทั้งแบบสะสมมูลค่าและแบบจ่ายปันผล เพื่อรองรับเงินลงทุนใหม่และการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และเงินลงทุนใหม่ ตามมาตรการที่ภาครัฐให้การสนับสนุน ซึ่งกำหนดช่วงเวลา 2 เดือนคือพฤษภาคม-มิถุนายน 2568
ทั้งสองกองทุนมีนโยบายลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
กองทุนเปิดอีสท์ปริง หุ้นปันผล 70 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (ES-DIV70THAIESGX) เป็นกองผสมแบบ Aggressive allocation เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ได้รับ SET ESG Rating ระดับ AA ขึ้นไป บริษัทที่มีประวัติการจ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ รวมถึงมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลดีในอนาคต ในสัดส่วน 65-70% ซึ่งตราสารที่คาดว่าจะลงทุน ตัวอย่างเช่น ADVANC ,PTT , KBANK , BBL, KTB เป็นต้น รวมถึงตราสารหนี้ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ/ เอกชนเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) หรือบริษัทที่อยู่ในเกณฑ์ ESG ของตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ Investment Grade ขึ้นไปเท่านั้นและต้องผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านเครดิตของบริษัท สัดส่วน 10-30% โดยตราสารที่คาดว่าจะลงทุน ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืน (ESGLB35DA, ESGLB376A) ออกโดยกระทรวงการคลัง และส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารสภาพคล่อง เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้น เงินฝาก เงินสด ไม่เกิน20% เป็นต้น
กองทุนเปิดอีสท์ปริง หุ้นปันผล ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (ES-DIVTHAIESGX) บริหารพอร์ตด้วยกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก (Active Management) โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ได้รับ SET ESG Rating ระดับ AA ขึ้นไป โดยวัดจากดัชนีชี้วัด SETESG TRI และบริษัทที่มีประวัติการจ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ รวมถึงมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลดีในอนาคต เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน บริหารโดยทีมผู้จัดการตราสารทุนที่มีประสบการณ์ในกองทุนเปิดอีสท์สปริง หุ้นปันผล (ES-DIV) ด้วยผลการดำเนินงานที่ดี (Morningstar rating 5 ดาว ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ) ซึ่งตราสารที่คาดว่าจะลงทุนตัวอย่างเช่น ADVANC, PTT, KBANK, BBL, KTB PTTEP,TISCO เป็นต้น ส่วนที่หลือลงทุนในตราสารสภาพคล่อง เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้น เงินฝากเงินสด ไม่เกิน 20% เป็นต้น
สำหรับเงินลงทุนใหม่จะเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 2-8 พฤษภาคม 2568 โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ปี 2568 ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท และภายหลัง IPO ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม -30 มิถุนายน 2568 ผู้สนใจสามารถลงทุนด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาท มีระยะเวลาถือครอง 5 ปีขึ้นไปนับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน)
และสำหรับการสับเปลี่ยนหนวยลงทุนจากการกองทุน LTF นั้นจะสามารถดำเนินการได้ภายหลังช่วง IPO คือตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งต้องโอนมาทั้งหมด เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ปี 2568 สูงสุด 300,000 บาท ปี 2569-2572 สูงสุดปีละ 50,000บาท มีระยะเวลาการถือครอง 5 ปีขึ้นไปนับจากวันที่จัดสรรหน่วย Thai ESGX แต่ละก้อน(นับแบบวันชนวัน)
นอกจากนี้ บลจ.อีสท์สปริง มอบโปรโมชั่นพิเศษสำหรับเงินลงทุนใหม่ สำหรับยอดเงินลงทุนทุกๆ 50,000 บาท รับสิทธิสิทธิพิเศษเป็นหน่วยลงทุนกองทุนเปิดอีสท์สปริง บริหารเงิน (ES-CASH) มูลค่า 100 บาท
