สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (28 เมษายน - 2 พฤษภาคม2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 368,292 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 92,073 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 18% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 48% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 177,378 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออก โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออก โดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 144,059 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขาย เท่ากับ 11,948 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB29NA (อายุ 4.6 ปี) LB256A (อายุ .1 ปี) และ LB284A (อายุ 3.0 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 11,025 ล้านบาท 10,011 ล้านบาท และ 9,781 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) รุ่น LH284A (A) มูลค่าการซื้อขาย 2,712 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รุ่น PTTGC269A (AA-(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 893 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) รุ่น LH274B (A) มูลค่าการซื้อขาย 736 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวผันผวนประมาณ 3-4 bps. ด้านปัจจัยในประเทศ กระทรวงการคลังแถลงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่าจะขยายตัวที่ 2.1% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.0% เนื่องจากแรงกดดันด้านการค้าโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการชะลอตัว ของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ด้านผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 30 เม.ย. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัท มูดี้ส์ เรทติ้งส์ ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิมที่ระดับ "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและทางการคลังของไทยจะอ่อนแอลง ส่วนหนึ่งเกิดจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ สำหรับผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เมื่อวันที่ 1 พ.ค. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
สัปดาห์ที่ผ่านมา (28 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 6,574 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิ ในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 7,160 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 587 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 1 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (28 เม.ย. - 2 พ.ค. 68) (21 - 25 เม.ย. 68) (%) (1 ม.ค. - 2 พ.ค. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 368,292.12 447,712.21 -17.74% 7,093,973.82 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 92,073.03 89,542.44 2.83% 86,511.88 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 110.91 110.99 -0.07% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 108.43 108.53 -0.09% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (2 พ.ค. 68) 1.62 1.61 1.6 1.59 1.63 1.9 2.12 2.63 สัปดาห์ก่อนหน้า (25 เม.ย. 68) 1.66 1.65 1.64 1.56 1.59 1.91 2.11 2.6 เปลี่ยนแปลง (basis point) -4 -4 -4 3 4 -1 1 3