บล.ทรีนีตี้ มองดัชนี SET พ.ค.พักตัวหลังฟื้นจาก Low รอบนี้ จัดสำรับ 4 กลุ่ม 8 หุ้นน่าลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 6, 2025 12:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ค.68 ให้กรอบการแกว่งตัวของ SET Index ที่ 1,140-1,250 จุด รีบาวด์ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดรอบนี้แล้วกว่า 150 จุด อาจทำให้ SET พักตัวในระยะสั้นบ้าง ประกอบกับ ภาพของดัชนีที่สะท้อนปัจจัยการลดดอกเบี้ยไปในระดับพอสมควรแล้ว

พร้อมประเมินภาพเศรษฐกิจไทยมี Downside risk ที่เปิดกว้างมากขึ้น จากปัจจัยสงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอน และอุปสงค์ภายในแนวโน้มเปราะบางมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้มีโอกาสส่งผลกดดันต่อมายังการปรับลดประมาณการกำไรที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้อานิสงส์ของการลดดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นผ่านกระบวนการ PE Expansion มีโอกาสถูกกลบด้วยผลกระทบเชิงลบจากการปรับลดประมาณการนี้ได้

อย่างไรก็ดี ด้วย Valuation ที่ยังไม่ได้กลับเข้าสู่กรณีฐาน ความสัมพันธ์ของตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นโลกที่อยู่ในระดับต่ำ และปัจจัยหนุนด้านสภาพคล่องที่รออยู่จากการเปิดขายกองทุน Thai ESGX ที่จะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนนี้ อาจพอเป็นปัจจัยช่วยพยุง Downside ของดัชนีได้บ้าง

ในเชิงกลยุทธ์ กำหนดกรอบแนวต้านแรกของ SET เดือนนี้ที่ระดับ 1,220 จุดและแนวต้านสำคัญที่ 1,250 จุด ตรงกับกรณีฐานของเราตามวิธี PE Model ที่ Forward PE 13.6x (อิง EPS ปี 2025E ที่ 92 บาท) ในทางกลับกันประเมินแนวรับแรกที่บริเวณดัชนี 1,170 จุดและแนวรับสำคัญที่ 1,140 จุด แนะนำใช้กลยุทธ์ Selective play ไปยังหุ้นกลุ่ม Top pick ของเรา ซึ่งยังคงเน้นซึ่งความปลอดภัยเป็นสำคัญ ได้แก่

1. หุ้นในกลุ่ม Deep value ได้แก่ SCC, TOP

2. หุ้นในกลุ่ม Defensive ได้แก่ BDMS, CPALL

3. หุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป ได้แก่ TCAP, BCP

4. หุ้นปลอดภัยปันผลสูง ได้แก่ ADVANC, 3BBIF

สรุปปัจจัยสำคัญที่น่าติดตามในเดือนนี้ ได้แก่

1. พัฒนาการของการเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ จีน และประเทศต่างๆ

2. การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 6-7 พฤษภาคม ซึ่งคาดว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยไปก่อนที่ระดับ 4.25-4.50% แต่น่าติดตามว่านาย Jerome Powell จะให้ความเห็นเกี่ยวกับอิทธิพลของสงครามการค้า ที่มีต่อความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างไรบ้าง

3. การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 8 พฤษภาคม ล่าสุดตลาดการณ์ว่าจะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 4.25% จากเดิมที่ 4.50%

4. การประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1/68 ของไทยในวันที่ 19 พฤษภาคม

5. การเปิดขายกองทุน Thai ESGX ซึ่งเราประเมินว่าจะช่วยสร้างเม็ดเงินใหม่ให้ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยราว 1.5-2.0 หมื่นล้านบาท

6. การประกาศผลการปรับตะกร้าสมาชิกของดัชนี MSCI รอบใหม่ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 14 พ.ค. ตามเวลาบ้านเรา

7. เทศกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/68 ของบริษัทจดทะเบียน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ