CGSI คงเป้า SET สิ้นปี 1,200 จุดเก็ง พ.ค.นี้ตลาดซึมแม้ TESGX ไหลเข้าแต่ภาษีสหรัฐ-การเมืองป่วนยังกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 7, 2025 13:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ว่าเงินทุนที่ไหลเข้า TESGX จะเป็นผลดีกับตลาดหุ้นไทย แต่มองว่าดัชนี SET อาจปรับขึ้นไม่มากนัก จากความไม่แน่นอนการเมืองและมาตรการภาษีของสหรัฐ ดังนั้น จึงคงเป้าดัชนี SET สิ้นปีนี้ที่ 1,200 จุด ( P/E 13.4 เท่าในปี 69, -1SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี) โดยมองว่าหุ้น Domestic defensive และ High yield play เป็นตัวเลือกที่ดี ขณะที่ SET อาจมี downside risk หากมาตรการภาษีสหรัฐส่งผลกระทบต่อไทยมากกว่าคาด รวมถึงความไม่แน่นอนการเมือง ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาจช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย

CGSI ระบุว่าไม่ได้คาดหวังกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในเดือน พ.ค.68 นี้ เพราะทั้งสองฝ่ายยังได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่มากนัก อย่างไรก็ตามหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนหากสองฝ่ายเริ่มมีท่าทีประนีประนอม ขณะที่เชื่อว่าไทยและสหรัฐน่าจะยังไม่ทำข้อตกลงทางการค้าเช่นกัน

นอกจากนี้ ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ไม่คาดหวังว่าตลาดหุ้นไทยจะทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคในช่วงเดือนพ.ค.นี้ อีกทั้งรัฐบาลน่าจะยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ เพราะต้องรอเจรจาการค้ากับสหรัฐ จึงคาดว่าหุ้นไทยอาจค่อนข้างเงียบในเดือน พ.ค.

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า Bloomberg consensus คาดการณ์ว่าในไตรมาส 1/68 บริษัทจดทะเบียนของไทยจะมีกำไรเติบโต 6% yoy และ 36% qoq ซึ่งถือว่าไม่แย่เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต 23% yoy และ 12% qoq ในไตรมาส 4/67 ทั้งนี้หากอิงจากประมาณการของ Bloomberg กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะมีกำไรเติบโตสูงที่สุด yoy ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มวัสดุก่อสร้างน่าจะมีกำไรเติบโตต่ำสุด yoy

ส่วนการที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเตรียมเปิดตัวกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (TESGX) ซึ่งสามารถรับโอนเงินลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่มี AUM รวม 1.53 แสนล้านบาท ณ วันที่ 28 เม.ย.68 โดยผู้ถือหน่วยลงทุนที่ต้องการย้ายการลงทุนใน LTF มาอยู่ใน TESGX จะต้องโอนหน่วยลงทุนภายในเดือนพ.ค.-มิ.ย.68 เพื่อให้ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ฯประมาณการว่า จะมีเงินลงทุนในกองทุน LTF ครึ่งหนึ่งย้ายเข้ามาลงทุนใน TESGX และถูกล็อกไปอีกห้าปี ส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนอีกครึ่งหนึ่งอาจรอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อขายคืนหน่วยลงทุน ทั้งนี้ ข้อมูลในวันที่ 28 เม.ย.68 แสดงให้เห็นว่ามีการขายคืน LTF แล้วรวม 3.8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้คาดว่าอาจมีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่กองทุน TESGX อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยลดผลกระทบต่อ SET ช่วงสองสามเดือนข้างหน้า



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ