นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป [BVG] เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 14.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน กวาดรายได้รวมจากการบริการเพิ่มขึ้น 18% แตะ 152 ล้านบาท ตามการเติบโตที่ดีของเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจการให้บริการแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชั่น สำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ (ระบบ EMCS) รายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6% แตะ 63 ล้านบาท จากบริการจัดการสินไหมทดแทนประกันภัยรถยนต์ (Claim Settlement) ที่เติบโตดีต่อเนื่อง
ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริษัทลูก ทั้งธุรกิจให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย (BVA), ธุรกิจให้บริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ (BVTECH) และธุรกิจให้บริการ คำแนะนำ และวางแผนเข้าถึงการใช้บริการด้านสุขภาพ (BVH) มีรายได้เติบโตโดดเด่น 225% อยู่ที่ราว 32 ล้านบาท ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้กลุ่มธุรกิจ BVA และ BVTECH ผลจากการบังคับใช้มาตรฐานการายงานทางการเงินระหว่างประเทศ ฉบับที่ 17 เรื่องสัญญาประกันภัย (IFRS 17) นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นสำคัญ โดยบริษัทได้ส่งมอบงานวางระบบ และรับรู้รายได้งานที่ปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยจากลูกค้ารายใหญ่ที่ได้ลงนามสัญญาไปช่วงกลางปี 67 เข้ามาเต็มไตรมาส และจะทยอยรับรู้เข้ามาต่อเนื่องทุกไตรมาสตลอดอายุสัญญา 6 ปี มูลค่าโครงการรวมราว 60 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มธุรกิจให้บริการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำที่เกี่ยวข้อง ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน (BVTPA) มีรายได้กว่า 57 ล้านบาท หลังมีการรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหญ่ที่ได้ลงนามสัญญาช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง ส่งให้ต้นทุนบริหารและค่าใช้จ่ายรวมงวดไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 136 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราที่สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้รวม ซึ่งสาเหตุหลักมาจากต้นทุนการให้บริการ IFRS 17
นางนวรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับช่วงไตรมาส 2/68 ต่อเนื่องช่วงครึ่งหลังของปี บริษัทเตรียมแผนเดินหน้าขยายฐานงานบริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ และบริการให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยเข้าไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งจะเริ่มทยอยประกาศใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS 17 นับตั้งแต่ปี 70 เป็นต้นไป รวมทั้งเดินหน้าขยายงานด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดได้เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ "AI Inspect" สำหรับช่วยตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนรับประกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งได้นำเสนอให้กับบริษัทประกันภัยแล้วรวม 7 บริษัท ซึ่งรวมถึงบริษัทประกันภัยรายใหญ่ในกลุ่ม Top 5 จำนวน 3 บริษัท คาดว่าจะได้งานใหม่เข้ามาต่อยอดการเติบโตภายในช่วงไตรมาส 2/68 ดังนั้นจึงยังคงมั่นใจภาพรวมทั้งปีรายได้รวมเติบโตต่อเนื่อง 2 หลักตามเป้าหมายที่วางไว้