
นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป [SAFE] เปิดเผยว่า แนวโน้มในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการนำเทคโนโลยี PGTSeqA มาใช้ดึงดูดลูกค้าจากทั้งในและต่างประเทศ และในปี 2569 เป็นปีมะเมีย หรือ ปีม้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปีมงคลที่คนต้องการมีบุตรมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนรอบของการเก็บไข่ และการฝังตัวอ่อนในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนความคืบหน้าดีล M&A ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่จะมา Synergy กับธุรกิจของบริษัท ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจา และมีแนวโน้มที่จะสามารถปิดดีลได้ภายในปลายปีนี้ หากปิดดีลได้สำเร็จจะบุ๊กรายได้เข้ามาทันที
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAFE กล่าวอีกว่า บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้มแข็งมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ พร้อมชูจุดเด่นดึงดูดลูกค้าด้วยการตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนได้แม่นยำ ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ให้สูงขึ้น รวมถึงกลุ่มสมรสเท่าเทียม LGBT ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการอุ้มบุญ การย้ายตัวอ่อน ซึ่งอยู่ระหว่างการร่าง พ.ร.บ. หากเรียบร้อยแล้ว จะเป็นปัจจัยบวกทำให้มีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน และในปี 2568 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% เทียบปีที่ผ่านมา
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568) มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 32.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.46 ล้านบาท หรือ 35.75% เทียบไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 23.65 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 175.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.10 ล้านบาท หรือ 2.39% เทียบไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)
ปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า มาจากรายได้จากการขายและการให้บริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไร (Margin) ของบริษัท เติบโตดีขึ้นมากกว่าไตรมาสก่อน นอกจากนี้ การให้บริการด้านความงามและเวลเนส มีสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้นด้วย