นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ที่เด้งขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศการเจรจาการค้ากับอังกฤษสำเร็จเป็นชาติแรก ทำให้ประเด็นสงครามการค้าผ่อนคลายลงมาบ้าง แต่ยังต้องรอความชัดเจนการเจรจาการค้ากับจีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ในวันนี้ยังต้องติดตามตัวเลขนำเข้า-ส่งออก และดุลการค้าเดือนเม.ย.ของจีน ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงวันนี้คาดว่าจะมีแรงหนุนจากหุ้นพลังงานหลังจากราคาน้ำมันปรับขึ้น และแรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ที่รายงานงบการเงินไตรมาสแรกออกมาดี เช่น GULF และ CPAXT เป็นต้น
พร้อมให้แนวต้าน 1,220 จุด แนวรับ 1,200 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,368.45 จุด เพิ่มขึ้น 254.48 จุด หรือ +0.62%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,663.94 จุด เพิ่มขึ้น 32.66 จุด หรือ +0.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,928.14 จุด เพิ่มขึ้น 189.98 จุด หรือ +1.07%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,332.57 จุด เพิ่มขึ้น 403.94 จุด หรือ +1.09%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 22,856.21 จุด เพิ่มขึ้น 80.29 จุด หรือ +0.35% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ระดับ 3,350.40 จุด ลดลง 1.60 จุด หรือ -0.05%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 พ.ค.) 1,206.59 จุด ลดลง 13.68 จุด (-1.12%) มูลค่าซื้อขาย 42,698.89 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (8 พ.ค.) 3,012.34 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. (8 พ.ค.) เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 3.17% ปิดที่ 59.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 พ.ค.) อยู่ที่ 6.33 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.02 อ่อนค่า หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดีกว่าคาด หนุนดอลลาร์แข็งค่า
- "ขุนคลัง" จ่อชงคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกเครื่องโครงการใช้เงิน-ดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ หลังพิษภาษีทรัมป์ทำเจ็บ พ่วงมูดี้ส์ห่วงฐานะคลัง ยอมแล้วจะไม่ทำเรื่องนี้คนเดียว ด้านหอการค้าไทยชี้ ศก.ไทยปีนี้โตใกล้ 2% "ซิตี้ รีเสิร์ช" ปรับลดคาดการณ์จีดีพีประเทศไทยในปี 2568 จาก 3.0% เหลือ 2.2% หลังส่งออกทรุดหนัก
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทยธนชาต มองนโยบายภาษีทรัมป์เร่งให้โลกกลับไปสู่ยุคของการกีดกันทางการค้า ส่งผลกระทบต่อไทย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจแบบระบบเปิดขนาดเล็ก กระทบต่อภาคการส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อม
- FETCO แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา" นักลงทุนมองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นมากที่สุด คือ สงครามการค้า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และสถานการณ์การเมืองในประเทศ
- เปิดไทม์ไลน์เลือกผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ กำหนดเปิดรับสมัคร 13 พ.ค.-4 มิ.ย. 68 กำหนดแสดงวิสัยทัศน์ 24 มิ.ย. ก่อนจะเสนอ 2 รายชื่อให้ รมว.คลังพิจารณาก่อนวันที่ 2 ก.ค.นี้ หลังจากนั้นส่งต่อครม. ด้าน "พรชัย" ผอ.สศค.ย้ำ กระบวนการคัดเลือกจะทันภายในกรอบเวลา 90 วัน
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 56 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 1.58 พันลบ. +14% y-y, +3% q-q จาก Credit cost ที่ลดลงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และสินเชื่อที่คาดว่าจะโต 14% y-y เป็นหลัก เราคาดว่าสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพจะยังอยู่ในระดับที่เอื้ออานวยที่ 2.74% ในไตรมาส 1/68เทียบกับ 2.75% ในไตรมาส 4/67 และ 3.03% ในไตรมาส 1/67
- BBL (อินโนเวสท์เอกซ์) มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากไหลกลับของ Fund Flow และคาดเป็นเป้าหมายกองทุน ThaiESGX เนื่องจากมี SET ESG Ratings "AAA" ขณะที่ยังเลือกเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เนื่องจากมี Valuation ถูกที่สุด โดย PBV 0.45 เท่า และ PE 6.2 เท่า สำหรับปี2568 และยังสามารถจ่ายปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ที่ระดับ 6.2% ต่อปี
- CPAXT (พาย) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท คาดเห็น Synergy benefits ทยอยรับรู้มากขึ้นในช่วงไตรมาส 2/68 ขณะที่แนวโน้มยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วง เม.ย.68 โตทั้ง Makro และ Lotus's ยังคงทรงตัว YoY ถูกกดันจากยอดขายเครื่องดื่มและยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงตามสภาพอากาศ รายงานกำไรไตรมาส 1/68 ที่ 2.6 พันล้านบาท (+7%YoY, -33%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราแ ละ BB Consensus หนุนยอดขายที่โต 3% YoY อัตรากำไรขั้นต้นรวมขยายตัว 10 bps YoY ค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลงเล็กน้อย 10 bps YoY จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี