DELTA คาดผลงาน Q2/68 ยังสดใสจากเร่งลงทุน AI -สหรัฐเลื่อนเก็บภาษี จับตาภาษี"ทรัมป์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 9, 2025 18:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) [DELTA] เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินการในไตรมาส 2/2568 ยังคงเติบโตได้ เนื่องจากการเร่งตัวการลงทุนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในช่วงที่สหรัฐฯเลื่อนการเก็บภาษีตอบโต้ 90 วัน แต่ต้องติดตามมาตรการภาษีของสหรัฐฯหลังจากนี้สำหรับไตรมาสที่เหลือของปี มั่นใจว่าสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในประเทศอื่นได้ ถ้าหากไทยไม่ถูกเจาะจงเรียกเก็บภาษีในสัดส่วนที่มากกว่าเป็นพิเศษ

"ในกรณีที่สหรัฐฯเรียกเก็บภาษีไม่เกิน 15% เป็นต้น ลูกค้าส่วนใหญ่สามารถแบกรับราคาที่เพิ่มขึ้นได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นจะมีผลกระทบต่อธุรกิจแน่นอน มองว่าเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรายได้ในช่วงที่เหลือของปี"

นอกจากนี้ DELTA ยังติดตามประเด็นการจัดเก็บภาษีขั้นต่ำจากบริษัทข้ามชาติ 15% หรือ Global Minimum Tax เห็นเจตนารมณ์ของภาครัฐที่กำลังหาทางออกให้เอกชนอยู่ คาดว่ากฎหมาย่น่าจะมีผลในช่วงครึ่งปีหลังของปี 69

ในส่วนของค่าใช้จ่าย หลังจากการปรับเปลี่ยนส่วนผสมของสินค้าในช่วง 1-2 ปีหลังที่เน้นอุปกรณ์เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มีเรื่องของค่าสิทธิที่ต้องจ่ายตามตกลงกับบริษัทแม่ที่ไต้หวันโดยใช้เป็นอัตราส่วนของรายได้ทั้งปี มองว่าคงที่แล้ว ในระยะ 1-3 ปีหลังจากนี้ คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรายการสำคัญ

สำหรับค่าใช้จ่ายการบริหารทางกฎหมายที่เป็นประเด็นไปเมื่อปีก่อน มียอดรวมค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย 1,008 ล้านบาทเพื่อใช้ในกระบวนการพิจารณาคดีละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีกับคู่กรณีในสหรัฐอเมริกา คาดว่าไม่มีเพิ่มเติมแล้วหลังจากได้รับคำวินิจฉัยไปเมื่อเดือนก.พ. ปัจจุบัน มีการพูดคุยหาข้อตกลงกับคู่กรณีอยู่ ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขตรงนี้ได้เนื่องจากยังอยู่ในการดำเนินการ หวังว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 1/68 บริษัทฯมีรายได้ทั้งหมด 4.27 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 12.5% จาก 3.8 หมื่นล้านล้านบาทในไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.4% จาก 4.3 พันล้านบาทในไตรมาส 1/67 ภาพรวมมองว่าดีกว่าคาด สอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เร่งตัวขึ้น

ธุรกิจระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรม รายได้เพิ่มขึ้น 62% จากไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน แม้ว่าจะชะลอตัวในไตรมาสตามฤดูกาล แต่ยังคงได้แรงหนุนจากยอดขายตรง และธุรกิจ โซลูชั่นต่อเนื่อง ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า มีรายได้ในไตรมาส 1/68 ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว และปีก่อนหน้า เนื่องจากความล่าช้าในการอนุมัติงบประมาณภาครัฐในปี 2567 ส่งผลให้การเปิดประมูลและโครงการสำคัญเลื่อนไปยังช่วงครึ่งหลังของปี 2568 คาดว่าการลงทุนในส่วนนี้จะเร่งตัวขึ้น

ส่วนตลาดต่างประเทศ ธุรกิจยานยนต์ยุโรปเติบโตขึ้น 10% จากไตรมาสจากไตรมาส 1/2568 ก่อน บรรลุเป้าที่วางไว้ มีแนวโน้มการเติบโตจากผู้ผลิต OEM ดำเนินกลยุทธ์การพัฒนารถยนต์หลายรูปแบบ ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไฮบริด และไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

รายได้จากตลาดอินเดียเพิ่มขึ้นปานกลางจากปีก่อนหน้า แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มศูนย์ข้อมูลและระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรม

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ไตรมาส 1/2568 กลุ่มผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ บรรลุ 96% ของเป้าหมาย โต 15 % จากไตรมาสก่อน โดยมีแรงขับเคลื่อนจากโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ในมาเลเซีย

นางสาวอัญชลี เจียรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ เปิดเผยว่า 40% ของรายได้มาจากการขายและให้บริการสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงสำหรับการใช้งานในโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักของปี ขณะที่ภาพรวมธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มอ่อนตัว คิดเป็น 23% ของรายได้รวมในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ