เมื่อเวลา 10.35 น. PLUS ร่วง 9.52% ลดลง 0.28 บาท มาที่ 2.66 บาท
COCOCO ลบ 3.55% ลดลง 0.25 บาท มาที่ 6.80 บาท
นายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ภาษีสหรัฐยังเป็นความเสี่ยงทั้ง บมจ.ไทย โคโคนัท [COCOCO] และ บมจ.โรแยล พลัส [PLUS] ซึ่งมีตลาดส่งออกที่สหรัฐทั้งคู่ แต่สัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐของ PLUS ประมาณ 44% ของรายได้ทำให้คาดว่าได้รับผลกระทบมากกว่า ขณะที่ COCOCO มีการส่งออกสหรัฐราว 18% ของรายได้ ประกอบกับรัฐบาลไทยยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนในการเจรจาภาษีกับสหรัฐทำให้ยังมีความกังวลกระทบผลการดำเนินงานของบริษัท
ขณะที่ราคามะพร้าวที่เป็นต้นทุนหลักปัจจุบันยังไม่มีทีท่าว่าจะปรับลง โดยปัจจุบันอยู่ที่ 27 บาทต่อลูก แม้ว่าจะลดลง 3.6% YTD แต่หากเทียบกับปี 66 ราคามะพร้าวอยู่ที่ประมาณ 10 บาทต่อลูก ราคาปัจจุบันถือว่ายังอยู่ในระดับสูง สะท้อนที่งบ COCOCO ที่รายงานกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท ต่ำกว่าที่ประมาณการ 14% คิดเป็น 8% ของประมาณการกำไรทั้งปี ทำให้มีแนวโน้มปรับประมาณการลงอีก
อย่างไรก็ตาม โรงงานที่ฟิลิปปินส์ของบริษัทที่จะเปิดไตรมาส 1/69 จะเข้ามาช่วยปัญหาราคามะพร้าวที่อยู่ระดับสูง เนื่องจากราคามะพร้าวในฟิลิปปินส์ถูกกว่าไทยราว 60-70% แนะนำทยอยสะสมรอการเปิดโรงงานในฟิลิปปินส์ต้นปีหน้า
ด้าน บล.ดาโอ ระบุว่า PLUS รายงานขาดทุนสุทธิ -44 ล้านบาทในไตรมาส 1/68 ต่ำกว่าคาดการณ์ของเราที่ -31 ล้านบาท (พลิกจากกำไรสุทธิ 13 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 และขาดทุนเพิ่มขึ้นจาก -22 ล้านบาทในไตรมาส 4/67) และลดลง YoY ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 จากกำลังการผลิตฟื้นช้ากว่าคาด และอัตรากำไรลดลง
สำหรับประมาณการกำไรปี 68 อยู่ที่ 118 ล้านบาทโต +175% YoY จากคาด GPM ทั้งปีจะได้รับแรงกดดันจากกำลังการผลิตในไตรมาส 1/68 ที่ไม่เป็นไปตามคาด แม้ความเสี่ยงการผลิตที่อาจล่าช้าในไตรมาส 2/68 เรายังคงคาดเห็นรายได้ และ GPM เริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาส 2/68 จากกำลังการผลิตขวด PET สูงขึ้นจากคำสั่งซื้อของลูกค้าในจีนและเริ่มเข้าสู่ high season ทั้งจีนและสหรัฐ
ราคาหุ้นปรับตัวลงจากคาดได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่กดดันผลการดำเนินงานและคาดกำไรไตรมาส 1/68 ไม่ฟื้นตัวจากยังมีความเสี่ยงจากออเดอร์ล่าช้า ปัจจุบันหุ้นเทรดอยู่ที่ 2025E PER 16.7x โดยเรายังให้คำแนะนำ "ถือ" จากปัจจัยเสี่ยงที่ยังมีอยู่ทั้งคำสั่งซื้อและต้นทุนวัตถุดิบผันผวนอาจจะสร้างความกังวลต่อราคาหุ้น และ u-rate ของการผลิตขวด PET ตามเป้า Breakeven ที่ล่าช้า แนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท ยังมองความเสี่ยงการผลิตตามเป้าที่ตั้งไว้ในปี 68