สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (6 - 9 พฤษภาคม 2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 518,406 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 129,601 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 41% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 55% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 287,044 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออก โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออก โดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 205,136 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขาย เท่ากับ 14,577 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB29NA (อายุ 4.5 ปี) LB26DA (อายุ 1.6 ปี) และ LB266A (อายุ 1.1 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 27,247 ล้านบาท 15,420 ล้านบาท และ 13,664 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) รุ่น WHAUP302A (A-) มูลค่าการซื้อขาย 1,017 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT282B (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 908 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รุ่น TBEV266A (AA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 763 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง 2-5 bps. จากที่นักลงทุนคาดการณ์คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลงอีก 2 ครั้งในครึ่งปีหลัง หลังจากรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ประจำเดือนเม.ย.68 อยู่ที่ 100.14 ลดลง -0.22%(YoY) จากการลดลงของราคาสินค้า ในกลุ่มพลังงานและผักสด และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวประมาณ 2.0- 2.2% ต่ำกว่าประมาณการเดิม ที่ 2.4-2.9% จากผลกระทบของมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ด้านปัจจัยต่างประเทศ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 8 พ.ค. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามการคาดการณ์ของตลาด พร้อมทั้งแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยควบคู่กับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น (Stagflation) ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เมื่อวันที่ 9 พ.ค. มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.25% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สัปดาห์ที่ผ่านมา (6 - 9 พฤษภาคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 10,583 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิใน ตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 2,101 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 8,982 ล้านบาท และ มีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 500 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (6 - 9 พ.ค. 68) (28 เม.ย. - 2 พ.ค. 68) (%) (1 ม.ค. - 9 พ.ค. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 518,405.67 368,292.12 40.76% 7,612,379.49 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 129,601.42 92,073.03 40.76% 88,516.04 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 111.12 110.91 0.19% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 108.52 108.43 0.08% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (9 พ.ค. 68) 1.58 1.57 1.57 1.56 1.61 1.85 2.11 2.64 สัปดาห์ก่อนหน้า (2 พ.ค. 68) 1.62 1.61 1.6 1.59 1.63 1.9 2.12 2.63 เปลี่ยนแปลง (basis point) -4 -4 -3 -3 -2 -5 -1 1