SAPPE มองแนวโน้ม H2/68 เริ่มฟื้นหลังผลงาน Q1/68 ผงกหัว QoQ แม้วูบหนักทำจุดต่ำสุดของปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 13, 2025 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็ปเป้ [SAPPE] เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,142 ล้านบาท ลดลง 37.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 1,836 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 224 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 352 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 18.2% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยบริษัทฯ เดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและดำเนินกลยุทธ์การตลาด ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่าย ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและสงครามการค้า

รายได้ที่ชะลอตัวเป็นผลมาจากฤดูหนาวที่ยาวนานกว่าปกติ และระดับสต๊อกในยุโรปที่ทรงตัวในระดับสูง รวมถึงคู่ค้าในตะวันออกกลางและอินโดนีเซียสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าจำนวนมากในช่วงปลายปี 67 เพื่อเตรียมจำหน่ายในช่วงรอมฎอน (1-30 มีนาคม 2568)

อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากผลตอบรับที่ดีของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแคมเปญ สดชื่นแบบรักตัวเอง ที่มี โยชิ รินรดา เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ของแบรนด์เซ็ปเป้ บิวติ พร้อมเปิดตัว 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ Beauti Gluta Glory กลิ่นสตรอว์เบอร์รีและ Beauti Passion กลิ่นเลมอนมะนาว นอกจากนี้ เครื่องดื่มผสมวิตามิน "Blue" (บลู) ก็ออก 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ Blue รสแตงโมปั่น (Watermelon Smoothie) และ Blue รสโยเกิร์ตเจลลี่ (Yogurt Jelly) และแบรนด์ Sappe Aloe Vera อีก 2 รสใหม่ คือ ชาพีช และ ชาองุ่นมัสคัต ซึ่งสินค้าของบริษัทฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่หลากหลาย นอกจากนี้ คำสั่งซื้อของผลิตภัณฑ์มะพร้าวน้ำหอมแบรนด์ All Coco ก็มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 คาดว่าเป็นช่วงที่ชะลอตัวที่สุดของปีนี้ และทยอยปรับตัวดีขึ้น โดยน่าจะเห็นการฟื้นตัวและกลับมาเติบโตในครึ่งปีหลัง โดยบริษัทฯ ได้ปรับแผนกลยุทธ์ เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการสต๊อกสินค้า ด้วยการนำความต้องการของตลาดมาวางแผนการจัดจำหน่ายที่เหมาะสมในแต่ละภูมิภาค พร้อมทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partner) อย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้า เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง และวางรากฐานความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว

ส่วนการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัทฯ เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มีสัดส่วนไม่เกิน 5% ของรายได้รวม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตระหนักว่าสถานการณ์สงครามการค้าส่งผลกระทบต่อภาพรวมการค้าโลก เซ็ปเป้จึงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือด้วยการวางแผนกลยุทธ์แบบ Scenario Planning เพื่อให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นขยายโอกาสในตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆ ต่อไป



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ