นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการ บมจ.เบาด์ แอนด์ บียอนด์ [BEYOND] เปิดเผยว่า ปี 68 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 3,700 ล้านบาท เติบโต 7% จากปีก่อนหน้า โดยมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความแตกต่าง พร้อมส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) การขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในเชิงรายได้และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น 2) การยกระดับมาตรฐานบริการ Ultra-Luxury ให้เหนือความคาดหวังของลูกค้าระดับโลก และ 3) การขยายพอร์ตธุรกิจในทำเลศักยภาพ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรม
"ปีนี้เราจะให้ความสำคัญกับการเสริมควมแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งการลงทุนในบุคลากร การพัฒนาเทคโนโลยีการบริการ การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการรักษาวินัยทางการเงินที่แข็งแกร่ง เพื่อเสริมฐานการเติบโตในระยะยาว พร้อมทั้งดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG อย่างจริงจัง โดยมุ่งหวังสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม" นางกมลวรรณ กล่าว
นางกมลวรรณ กล่าวว่า แม้ภาคการท่องเที่ยวโดยรวมจะชะลอตัวจากปัจจัยภายนอก แต่ BEYOND ยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างแข็งแกร่ง และยังเห็นสัญญาณบวกจากกลุ่มนักลูกค้าต่างชาติ เช่น อเมริกาและยุโรป ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งโรงแรมทั้ง 2 แห่งของเรายังคงมีจุดแข็งที่โดดเด่นของความเป็น Urban Resort และการวาง Position ให้เป็น F&B Destination ที่รวบรวมร้านอาหารนานาชาติ บาร์ และคาเฟ่ หลากหลายสไตล์ไว้ด้วยกันที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้า Ultra-Luxury ที่ยังคงให้ความสำคัญกับประสบการณ์การพักผ่อนที่แตกต่างและมีระดับอย่างต่อเนื่อง
โดย BEYOND มุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพสูงที่มีความพร้อมในการใช้จ่ายและมองหาประสบการณ์ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งไม่เพียงแต่หมายถึงที่พักหรูหราหรือบริการชั้นเลิศ แต่รวมถึงการมอบประสบการณ์เฉพาะตัวที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ขณะที่รายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแม้ปรับลดลงตามสภาพเศรษฐกิจในประเทศ แต่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง
BEYOND ยังคงเดินหน้าศึกษาการลงทุนในโครงการโรงแรมและรีสอร์ตระดับหรูในจุดหมายปลายทางสำคัญ พร้อมทั้งมองหาโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันขององค์กรให้เป็นผู้นำด้านการให้บริการระดับโลกอย่างแท้จริง
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/68 ด้วยรายได้รวม 914 ล้านบาท ลดลง 4% YoY และกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท ลดลง 18.5% YoY แม้รายได้รวมจะปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าจากภาวะอุตสาหกรรมในภาพรวม แต่สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางภาวะตลาดที่ท้าทาย โดยสามารถรักษาอัตรากำไรและเพิ่มราคาห้องเฉลี่ย (ARR) ได้ถึง 10% ซึ่งเป็นผลจากความสามารถในการรักษาระดับราคาและการตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ