ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ [BAFS] เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 143.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ด้วยรายได้รวม 967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ EBITDA เติบโตมาอยู่ที่ 521.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ภายหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ แม้ว่ายังเผชิญแรงกดดันท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ส่งผลให้ BAFS Group ยังคงเติบโตและมีกำไรอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
สำหรับภาพรวมค่าใช้จ่ายของการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) เพิ่มขึ้น 8% จากค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากการดำเนินกิจการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน และค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาระบบท่อส่งน้ำมันอากาศยาน ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินสุทธิลดลง 6% จากการทยอยจ่ายชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงินและจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ สะท้อนการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ พร้อมดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง มุ่งเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพและเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นของ BAFS Group มีปัจจัยสนับสนุนหลักดังนี้
กลุ่มธุรกิจ Aviation ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรก มีรายได้อยู่ที่ 786.3 ล้านบาท โดยมีปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานอยู่ที่ 1,422 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 88% ของระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานรวมของทุกทวีปปลายทาง โดยเฉพาะประเทศจีนที่ยังคงมีปริมาณเติมน้ำมันสูงสุด และตลาดเอเชียใต้ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ในปีนี้ คาดการณ์ปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานทั้งปีอยู่ที่ 5,400 ล้านลิตร สะท้อนถึงทิศทางเชิงบวกของอุตสาหกรรมการบินที่กลับมาเติบโตอย่างมั่นคง
กลุ่มธุรกิจ Utilities เติบโตอย่างก้าวกระโดดในไตรมาสแรก โดยมีปริมาณขนส่งน้ำมันรวมของ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด อยู่ที่ 363 ล้านลิตร เติบโตขึ้นถึง 24% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 37% ภายในปี 68 ด้วยปริมาณขนส่งน้ำมัน 1,290 ล้านลิตร นอกจากนี้ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด ยังได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ ระยะที่ 3 (อ่างทอง-สระบุรี) โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าของโครงการราว 14% คาดการณ์ภายหลังจากการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ จะส่งผลให้มีส่วนแบ่งการตลาดในพื้นที่ภาคเหนือสูงถึง 70% ภายในปี 2570
"ในช่วงไตรมาสแรกของปี 68 สภาวะเศรษฐกิจของไทยยังคงมีความผันผวน แม้ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศจะอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ภาวะผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่มีทิศทางปรับลดลงและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางระหว่างประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม BAFS และกลุ่มบริษัท (BAFS Group) ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมพร้อมเชิงรุกเพื่อรับมือและเผชิญกับความท้าทายจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ตามยุทธศาสตร์สร้างสมดุลรายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจ "