BDMS รับเศรษฐกิจผันผวนวางเป้ายากแต่ยังมั่นใจปีนี้โตมากกว่า GDP 2-3 เท่า เน้นลงทุนแบบ Organic

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 16, 2025 16:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางนฤมล น้อยอ่ำ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ [BDMS] เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะเติบโตระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1/68 ที่รายได้เติบโต 6% และกำไรเติบโต 7% ซึ่งการเติบโตยังสูงกว่าการเติบโตของ GDP ไทย แม้สถานการณ์เศรษฐกิจมีความท้าทายจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ แต่คาดว่าปี 68 จะยังสามารถเติบโตได้สูงกว่า GDP ประเทศถึง 2-3 เท่า

"เป้าหมายในปีนี้ยากเหมือนกัน ทั้งผลจากมาตรการภาษีของสหรัฐ และเศรษฐกิจข้างใน วันนี้เราคิดว่าอย่างน้อยต้องโตประมาณ 2-3 เท่าของ GDP ประเทศ เพราะ Healthcare มีทั้งต่างชาติและคนไทยเข้ามา ส่วนตัวเลขการเติบโตที่แน่นอนขอไปทบทวนข้างใน เพราะมีปัจจัยท้าทายสำหรับภาวะเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศ" นางนฤมล กล่าว

กลยุทธ์หลักการเติบโตของปี 68 ประกอบด้วย 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. Excellence Center มุ่งเน้นการรักษาพยาบาลกลุ่มโรคที่มีความซับซ้อน 2. Collaborative กับพาร์ทเนอร์ และ บริษัทประกัน ทำให้การรักษาพยาบาลกว้างขึ้น 3. Non-Hospital บริษัทยา บริษัท Lab หรือร้านขายยา บริษัทก็พยายามจะกระตุ้นให้มีการเติบโตมากขึ้น รวมทั้งการให้บริการ ดูแลไม่ให้ป่วย อาทิ การสร้างเสริมสุขภาพ (Promotive) การป้องกันโรค (Preventive) และการตรวจเช็คอาการก่อนเกิดโรค (Check-Up) และ 4. Sustainable Healthcare สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีความรับผิดชอบทั้งเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

สำหรับแผนการลงทุน บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนในลักษณะ Organic ด้วยการขยายศักยภาพโรงพยาบาลที่มีอยู่ ซึ่งช่วงที่เหลือของปีเตรียมเปิด โรงพยาบาลพญาไทบ่อวิน จังหวัดชลบุรี และ เปิดอาคารใหม่ของโรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ ส่งผลให้จำนวนเตียงเพิ่มเป็น 9,000 เตียงในสิ้นปี 68 จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 8,000 เตียง

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากคนไทย 72% และต่างชาติ 28% ทั้งนี้ในกลุ่มต่างชาติแบ่งเป็นผู้ป่วย Fly-in 55% และ ต่างชาติที่ทำงานในไทย (Expat) 45% ซึ่งผู้ป่วยต่างชาติมีความหลากหลายกระจายหลายประเทศ ซึ่งกลุ่มประเทศหลักได้แก่ CLMV โดยเฉพาะกัมพูชา จีน ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น ขณะที่ Expat ได้แก่ เยอรมัน รัสเซีย และฝรั่งเศส โดยมีสัดส่วนรายได้แต่ละประเทศที่กระจายตัวไม่พึ่งพิงประเทศใดเป็นหลัก ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง และการปิดสนามบิน เพราะยังมีผู้ป่วยจากชาติอื่นเข้ามา

ขณะที่ประเด็นมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐ มีผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากเป็นธุรกิจ Healthcare และบริษัทมีการซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ และยา จากสหรัฐไม่ถึง 10% และทุกปีบริษัทจะมีการประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อมาก แต่ละโรงพยาบาลจะซื้อผ่านบริษัทจัดซื้อกลาง อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจโลกไม่ดี กระทบต่อเศรษฐกิจไทย ส่งผลต่อกำลังซื้อของคนในประเทศน้อยลง อาจมีผลทางอ้อมกับบริษัทได้

นอกจากนี้มองว่าปี 68 เป็นปีที่มีโรคระบาดเกิดขึ้นมาก จึงมีการจัด แคมเปญ BDMS PREVENTIVE VACCINE สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BDMS ในด้านการดูแลรักษาสุขภาพเชิงป้องกัน ซึ่งจะช่วยลดภาระค่ารักษาในระยะยาว และเป็นการดูแลสุขภาพแบบยั่งยืน

"การรณรงค์การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค จะช่วยบริหารจัดการต้นทุนค่ารักษาพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเอื้อประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ทั้งผู้เอาประกัน สถานพยาบาล และระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ ผู้ถือกรมธรรม์สุขภาพจะได้รับสิทธิ์ฉีดวัคซีนในราคาพิเศษ ณ โรงพยาบาลในเครือ BDMS"

แคมเปญ BDMS PREVENTIVE VACCINE นี้ครอบคลุมวัคซีนใน 4 กลุ่มโรคหลัก ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ สำหรับผู้ใหญ่ราคา 500 บาท และเด็ก ราคา 700 บาท บาท วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ ราคา 3,500 บาท วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก (2 เข็ม) รวมราคา 3,900 บาท และวัคซีนป้องกันโรควัคซีนงูสวัด (2 เข็ม) รวมราคา 11,500 บาท โดยผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพสามารถแสดงหลักฐานเพื่อเข้ารับบริการได้ ณ โรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 30 มิถุนายน 2568

โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาคการแพทย์และภาคการประกันชีวิต ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมการเข้าถึงการดูแลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะมีผู้รับบริการวัคซีนมากกว่า 36,000 คนทั่วประเทศ นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพเชิงป้องกันของไทยให้เป็นรูปธรรมต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ