นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ [MASTER] เปิดเผยว่า บริษัท ฯ ได้มีการวางกลยุทธ์เพื่อรับมือกับผลกระทบข้อกำหนดด้านการโฆษณาของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ที่เป็นเหตุให้ค่าใช้ในไตรมาส 1/68 สูงขึ้น และประสิทธิภาพการตลาด-กำไรลดลง
ในไตรมาส 1/68 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 474.33 ล้านบาท เติบโต 1.34% และกำไรสุทธิ 55.77 ล้านบาท ลดลง 47.51% โดยมีค่าใช้จ่าย 194.79 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.77% เมื่อเทียบกับยอดขาย โดย MASTER ตั้งเป้าในไตรมาส 2/68 ลดค่าใช้จ่ายลงเหลือไม่เกิน 37% หลังจากปรับกลยุทธ์
ตัวอย่างของกลยุทธ์การตลาดใหม่ที่จะช่วยรักษาฐานรายได้ คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบโฆษณา ลดความจำเป็นในการซื้อโฆษณาบนแพล็ตฟอร์มไปบางส่วน หรือให้พนักงานออกมาไลฟ์ในโซเชียลมีเดียพูดคุยถึงประสบการณ์และความพึงพอใจกับลูกค้า แทนการถ่ายทอดสดในห้องปฎิบัติการระหว่างแพทย์กำลังทำงาน โดยต้องไลฟ์มากกว่า 2 ชั่วโมงเพื่อยอดเพิ่มยอดคนดู และถือว่าเป็นการแข่งขันกับการไลฟ์ขายของกับผู้ค้าสินค้าประเภทอื่นด้วย คาดว่าจะต้องเวลา 3-6 เดือนจึงจะสามารถเห็นผลดีขึ้น โดยจะมีการประเมินประสิทธิภาพการตลาดและการปรับเปลี่ยนรูปแบบโฆษณาอย่างใกล้ชิดทุก ๆ 24 ชั่วโมง
อีกทั้งยังมีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย จากประมาณ 27% เป็น 35-40% โดยจะแบ่งกลยุทธ์ออกมาได้ 2 เฟส เริ่มต้นจากเฟส 1 การลงสำรวจพื้นที่ ระยะเวลา 2-3 เดือน เพื่อวิเคราะห์ประเทศที่มีอุปสงค์การทำศัลยกรรมสูง เริ่มประชาสัมพันธ์เบื้องต้น และเปิดโปรแกรม referral ตามมาด้วยเฟส 2 การวางแผนและลงมือทำ เป็นระยะเวลา 4-6 เดือน ซึ่งจะมุ้งเน้นในการวางโครงสร้างช่องทางการบินเข้า หาพันธมิตรท้องถิ่น และการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายตามภูมิภาค
กำไรที่ลดลงยังเป็นผลจากการเพิ่มจำนวนของเคสกลุ่มหน้าอก ผิวหนัง หัตถการสุขภาพชาย และเส้นผม ซึ่งมีสัดส่วนกำไรน้อยกว่าบริการอื่น ๆ รวมถึงการปรับผลตอบแทนให้แพทย์เพิ่มขึ้น โดยบริษัทระบุว่าจะเป็นการปรับขึ้นครั้งเดียว ภาพรวมอยู่ที่ 3-4% เป็นเรทที่ต่ำสุดในตลาด และมีแพทย์เหลือเพียง 10% ที่ยังไม่ได้ถูกปรับขึ้นค่าตอบแทน
MASTER ตั้งเป้ากำไรสุทธิเกิน 15% ในปีนี้ โดยนอกเหนือจากการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่และการเจาะตลาดต่างประเทศที่กล่าวไป บริษัท ฯ จะใช้แนวทางการคุมต้นทุน และเร่งผลตอบแทนจากบริษัทหุ้นส่วน ซึ่งจะฟื้นตัวในไตรมาส 3/68 และ 4/68 ตามฤดูกาล โดยตั้งเป้าไว้ที่ 60-80 ล้านบาทสำหรับปีนี้ เพิ่มขึ้นจากรายได้ 51 ล้านบาทเมื่อปี 67
บริษัทมองว่าค่าใช้จ่ายที่สูงใน 2 ไตรมาสแรกของปีเป็นแรงต้านชั่วคราวในระยะสั้น จากการลงทุนและปรับตัวของ MASTER และบริษัทหุ้นส่วน เพื่อรอเก็บกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี โดยจะมีแรงสนับสนุนการเติบโตจากเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ ฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่ม Gen Y/Z ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง และกลุ่ม Medical Tourism ที่เริ่มกลับมาแล้ว โดยเฉพาะจากอาเซียน