TISCO ชี้ Moodys หั่นเรทติ้งสหรัฐปิดตำนานท็อปสกอร์ Aaa กดดันตลาดหุ้นโลกแนะจับจังหวะขายทำกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 19, 2025 17:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนธัช ศรีสวัสดิ์ นักกลยุทธ์ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า กรณีที่ Moodys ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จาก Aaa ลงสู่ Aa1 ต่อจาก S&P Global Ratings และ Fitch Ratings ที่ปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐไปก่อนหน้านี้ในปี 2554 และ 2566 ตามลำดับ นับเป็นการปิดฉากสถานะ "เครดิตสมบูรณ์แบบ" ของสหรัฐฯ โดยสมบูรณ์

TISCO ESU ประเมินการปรับลดอันดับเครดิตครั้งนี้ แม้ผลกระทบเชิงฉับพลันต่อตลาดเงินจะมีแนวโน้มจำกัด เนื่องจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเงื่อนไขการเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันสัญญาการเงินอื่นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกปรับให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นหลังจากปี 2554 และไม่ได้อิงกับอันดับ Aaa อย่างเข้มงวดเหมือนในอดีต

การลดอันดับเครดิตครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแรงกดดันต่อตลาด โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณางบประมาณสำคัญของทรัมป์อย่าง "Big, Beautiful Bill" ขณะที่เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ดังนั้น จึงอาจเป็นจังหวะให้นักลงทุนพิจารณาขายทำกำไรหุ้น หลังตลาดตอบรับปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับค่อนข้างแพง ซึ่งจะกลายเป็นอีกปัจจัยกดดันให้ตลาดหุ้นปรับฐานในระยะข้างหน้า

"การปรับลดเครดิตอาจถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดพร้อมกัน หรือ "Coincident Indicator" ของเศรษฐกิจอีกเครื่องมือหนึ่ง เนื่องจากมักเกิดขึ้นในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ทำให้แม้ผลกระทบฉับพลันอย่างการถูกบังคับขายพันธบัตร และกระบวนการ Delevarage จะไม่ได้เกิดขึ้น ทว่าตลาดหุ้น S&P 500 ก็ปรับเข้าสู่การชะลอตัวในช่วงท้ายปี 2554 และ 2566 โดยเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway ต่ำ อยู่ในระดับลบ 1% ถึงลบ 5% จากวันที่ถูกปรับลดอันดับเครดิตไปอีกประมาณ 2 เดือน ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้"

ขณะที่ด้านตลาดพันธบัตร แม้จะเห็นผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นบ้างหลังข่าวนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพันธบัตรสหรัฐฯ ยังเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่ตลาดให้ความเชื่อมั่น โดย TISCO ESU ประเมินว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) อายุ 10 ปี ที่ปรับขึ้นมาสู่ระดับ 4.5% ตามที่เคยประเมินไว้ จะเผชิญกับแรงกดดันด้านสูงเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยนี้ก็สะท้อนความเสี่ยงล่วงหน้า (Priced-in) ไปแล้วบางส่วน จากที่ Moodys ได้ปรับลดมุมมองเป็น Negative ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 ดังนั้น การปรับลดเครดิตลงในครั้งนี้จึงไม่น่าเป็นกังวลมากนัก

อย่างไรก็ตาม การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากแผนลดภาษีฉบับใหม่ของคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องรายรับภาครัฐ (The House Ways & Means Committee) ได้เสนอแผนการลดการจัดเก็บภาษี ทั้งภาคครัวเรือนและธุรกิจ อาทิ การต่ออายุมาตรการลดภาษีบุคคลธรรมดา การเพิ่มวงเงินการลดหย่อนภาษีของครัวเรือน การยกเลิกจัดเก็บภาษีทิปและค่าทำงานล่วงเวลา (Tips & Overtime) และการเพิ่มค่าโบนัสค่าเสื่อมของธุรกิจเพื่อใช้เป็นรายจ่ายลดหย่อนเมื่อคำนวณภาษีนิติบุคคล เป็นต้น ซึ่งประเมินว่าจะส่งผลให้สหรัฐฯ ขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้นราว 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปี 2568-2577 ส่งผลให้สหรัฐฯ มีแนวโน้มขาดดุลการคลังที่ระดับราว 6% ของ GDP ต่อปี ในระยะข้างหน้า



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ