MINT ปักหมุด 3 ปีกำไรโต 10-15%/ปี กระจายพอร์ตโรงแรมสร้างสมดุล,หั่นงบลงทุนปีนี้ตรึงสภาพคล่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 20, 2025 16:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ริรินดา ตังทัตสวัสดิ์ รองประธานฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล [MINT] เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าช่วง 3 ปี (68-70) รายได้เติบโตในระดับ high single-digit และกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% โดยวางแผนเปิดโรงแรม-ร้านอาหารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังโค้งแรกของปีสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานได้ในไตรมาส 1 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป หรือ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์ อเมริกา (MHEA) เมื่อปี 61

ภาพรวมรายได้หลักของ MINT ในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 36,738 ล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่เติบโตขึ้น 3% หากไม่รวมผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน แบ่งเป็นธุรกิจโรงแรม 78% และธุรกิจอาหาร 22% ในส่วนกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานหลักอยู่ที่ 50 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุนการดำเนินงาน 352 ล้านบาทในไตรมาส 1/67

กลยุทธ์การขยายกิจการโรงแรมจะมุ่งไปในเรื่องการกระจายพื้นที่ที่ให้บริการและโมเดลธุรกิจให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อความคล่องตัวในการประกอบกิจการ โดยมีแผนจะเพิ่มจำนวนโรงแรมในเครือ จาก 562 แห่งในปัจจุบัน เป็น 850 แห่ง ในปี 2570 โดย 80-90% โรงแรมที่เปิดใหม่จะอยู่ภายใต้สัญญาการเข้ารับบริหาร เพื่อลดงบลงทุน

อีกทั้งยังมีแผนลดสัดส่วนโรงแรมในพื้นที่ยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ-ใต้ ที่ปัจจุบันคิดเป็น 61% ของห้องพักทั้งหมด ให้เหลือ 51% โดยจะเพิ่มสัดส่วนในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียให้มากขึ้นแทน ซึ่งจะมีหน้า low และ high season แตกต่างกันไปตลอดปี เพิ่มความสมดุลของพอร์ต โดยแนวโน้มโตรมาส 2/68 ซึ่งจะเป็น high season ของโรงแรมยุโรป ก็ได้เห็นการเติบโตของยอดการจองแล้ว

ในส่วนของร้านอาหาร บริษัท ฯ ตั้งเป้าขยายกิจการจาก 2,717 สาขา เป็น 4,114 สาขา ทั่วโลกภายในปี 2570 โดยจะเพิ่มสัดส่วนของร้านอาหารแฟรนไซส์ขึ้นมาเป็น 56% จากเดิม 47%

นางสาวนมิกา อธิศพงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่ม - ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ MINT กล่าวว่า ร้านอาหารในเครือครอบคลุมทั้งกลุ่มร้านอาหารราคาถูกจนไปถึงพรีเมี่ยม และโอกาสหรือจำนวนผู้ทาน ตั้งแต่คนเดียวจนเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งบริษัท ฯ ก็ได้ออกเมนูใหม่ ๆ เพื่อรองรับการทานคนเดียวมากขึ้น ในร้านอาหารที่มักจะทานเป็นหมู่ และยังเพิ่มเมนูอาหารที่ราคาสูงรองรับลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมในร้านอาหารที่ราคาไม่แพง

ทั้งนี้ MINT ยังพยายามลดต้นทุนในสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคที่ไม่แน่นอน ซึ่งในด้านวัตถุดิบที่อาจจะราคาสูงขึ้นก็ประเมินแล้วว่าน่าจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าอัตราของตลาด 50% ด้วยห่วงโซ่อุปทานของบริษัท ฯ ที่แข็งแรง จึงไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมากนัก และยังสามารถนำวัตถุดิบไปขายเพื่อเพิ่มรายได้ด้วยได้

นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับลดงบลงุทนในปีนี้เหลือเพียง 7,000 ล้านบาท จากเดิมที่บริษัทวางงบลงทุนในปี 68 ไว้ 11,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้ดียิ่งขึ้น โดยจะใช้งบในการรีโนเวทและขยายกิจการเป็นหลัก

ล่าสุด ค่าใช้จ่ายในส่วนภาระหนี้สินก็ลดลงด้วยเนื่องจากเครดิตของ MINT ที่ถูกปรับขึ้นจาก Fitch และ Tris Ratings เป็นผลจากการชำระหนี้อย่างมีวินัย คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลง ซึ่งในไตรมาส 1/68 ก็มีค่าใช้จ่ายสำหรับดอกเบี้ยลดลง 16% แล้วเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 โดยภาระหนี้สินในครึ่งหลังของปีก็จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA จะลงมาอยู่ที่ 4 เท่าภายในสิ้นปี ลดลงจาก 4.5 เท่า ในไตรมาส 1/68



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ