เมื่อเวลา 9.59 น.หุ้นกลุ่มเกี่ยวข้องบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นแรง
ZIGA พุ่งขึ้น 19.67% มาที่ 1.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท มูลค่าซื้อขาย 10.30 ล้านบาท
JTS บวก 5.49% มาที่ 43.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 2.11 ล้านบาท
BTC บวก 9.09% มาที่ 0.36 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าซื้อขาย 5.55 ล้านบาท
XPG บวก 3.80% มาที่ 0.82 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าซื้อขาย 8.35 ล้านบาท
เช้านี้ราคาบิทคอยน์ปรับขึ้น 3.51% มาอยู่บริเวณ 110,000 ดอลลาร์ หรือราว 3.64 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ในเอเชีย จากหลากหลายปัจจัย เช่น ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มคลี่คลาย และการที่มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนบางส่วนหันมาถือครองคริปโทฯ แทนเงินดอลลาร์
เน็กโซ (Nexo) แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระบุว่า การที่บิตคอยน์ทำลายสถิติเดิมและพุ่งขึ้นมากกว่า 50% จากจุดต่ำสุดในเดือนเม.ย. ส่งสัญญาณว่าราคาเข้าสู่แดน "blue sky territory" หรือช่วงไร้แนวต้านทางเทคนิค โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนของนักลงทุนสถาบันและสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ ที่เอื้อต่อคริปโทฯ มากขึ้น
ราคาบิตคอยน์ยังเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมักปรับขึ้นตามความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นแล้ว 30% จากระดับต่ำสุดเมื่อต้นเดือนเม.ย. ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนอัตราแลกเปลี่ยนของบิตคอยน์
บรรดานักลงทุนยังจับตาการมีส่วนร่วมในตลาดคริปโทฯ มากขึ้นของบริษัทการเงินแบบดั้งเดิม โดยล่าสุด เจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน (JPMorgan) ซึ่งเคยวิจารณ์คริปโทฯ อย่างหนักเปิดเผยว่า ธนาคารจะเปิดให้ลูกค้าซื้อบิตคอยน์ได้โดยตรง และเมื่อต้นเดือนนี้ คอยน์เบส (Coinbase) แพลตฟอร์มเทรดคริปโทฯ ก็เพิ่งถูกเพิ่มเข้าในดัชนี S&P 500 ด้วย
ทั้งนี้ แม้ยังมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาด แต่เน็กโซก็ยังประเมินว่า บิตคอยน์ยังมีโอกาสแตะระดับ 150,000 ดอลลาร์ได้ภายในปี 2568
ขณะที่ทีมวิเคราะห์ของ Merkle Capital มองว่า สัญญาณบวกเชิงโครงสร้างที่ปรากฏในปัจจุบัน ทั้งจากฝั่งราคา นักลงทุนสถาบัน การสนับสนุนทางนโยบาย และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น กำลังนำ Bitcoin เข้าสู่ "ช่วงวัยผู้ใหญ่" ในระบบการเงินโลก โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ Bitcoin จะสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ (All-Time High) ได้ภายในปีนี้ โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 130,000 ดอลลาร์