BBLAM เสนอขายกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน A500 พาสซีฟ (B-CNA500P) ระหว่างวันที่ 511 มิถุนายน 2568 กองทุนลงทุนเพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนตามดัชนีหุ้นจีนใหม่ CSI A500 นับเป็นโอกาสลงทุนใหม่ๆ ให้กับนักลงทุนในการเข้าถึงการเติบโตในธุรกิจยุคใหม่ของจีน จากเดิมที่ดัชนีหุ้นจีนส่วนมากจะเน้นไปที่กลุ่มสถาบันการเงิน
บลจ.บัวหลวง (BBLAM) เปิดเผยว่า กองทุน B-CNA500P เป็นกองทุนที่บริหารแบบ Passive โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของ ChinaAMC CSI A500 ETF ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE) และบริหารจัดการโดยบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของจีน อย่าง China Asset Management Co., Ltd. โดยลงทุนในหน่วยลงทุนเพียงกองเดียวและเป็นการลงทุนในสกุลเงินหยวน (CNY) และเป็นกองทุนแรกในประเทศไทย ที่ลงทุนตามดัชนี CSI A500 ซึ่งเพิ่งจัดตั้งเมื่อเดือนกันยายน 2567 และยังไม่เคยมีกองทุนใดในไทยอ้างอิงกับดัชนีนี้มาก่อน
นักลงทุนจะได้ประโยชน์จากการลงทุนในกองทุน B-CNA500P คือ ความโดดเด่นของหุ้นที่อยู่ในดัชนี CSI A500 ความโดดเด่นแรก ได้แก่ ดัชนี CSI A500 สะท้อนโครงสร้างเศรษฐกิจจีนยุคใหม่อย่างแท้จริง โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตสูง อาทิ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มการบริโภค ขณะเดียวกันก็ลดน้ำหนักของกลุ่มธนาคารลง เพื่อให้การลงทุนสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของจีน ที่ขยับจาก "การผลิต" สู่ "นวัตกรรมและบริโภคภายในประเทศ"
ความโดดเด่นที่ 2 คือ ข้อมูลปี 2567 แสดงให้เห็นว่า หุ้นประมาณ 500 ตัวในดัชนี CSI A500 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 10% ในหุ้นกลุ่ม A-share แต่หุ้นประมาณ 500 ตัวนี้ สามารถครอบคลุมกำไรประมาณ 69% ของกำไรทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม A-share ทั้งหมด
สำหรับมุมมองที่ BBLAM มองเศรษฐกิจจีน คาดว่าในปี 2568 จะยังคงมีแนวโน้มขยายตัว โดย GDP คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปี 2567 ประมาณ 5% ขณะที่ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเริ่มฟื้นตัว หลังชะลอตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้ง รัฐบาลจีนยังเดินหน้าด้วย นโยบายการคลังเชิงรุก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการที่เน้นภาคการบริโภค ซึ่งเคยเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนตลาด A-Shares ให้เติบโตมาแล้วในรอบก่อน
นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณเชิงบวกจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เริ่มกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งในแง่ของยอดขายบ้านใหม่และระดับราคาทรัพย์สิน ซึ่งส่งผลทางจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้ในระยะต่อไป แม้ยังมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ แต่ตลาดหุ้นจีนอาจได้รับการชดเชยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการอ่อนค่าของค่าเงินหยวนที่ช่วยส่งเสริมภาคส่งออก