นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไนซ์ คอล [NCP] เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 68 ของบริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตตามเป้า 20-30% สำหรับยอดขาย และ 30-40% ในส่วนของกำไร มั่นใจไม่มีผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ย้ำพิสูจน์มาแล้วช่วงสถานการณ์โควิดที่สามารถทำกำไรได้สูงสุด ธุรกิจหลักยังโตตาม E-commerce และเทรนด์สุขภาพ เชื่อว่าถ้าสภาวะเศรษฐกิจไทยไม่แย่มากก็น่าจะสามารถเติบโตได้มากกว่าเป้า ส่วนไตรมาส 2/68 อาจจะใกล้เคียงหรือมากกว่าไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากวันหยุดที่มีมาก ทำให้ชั่วโมงการทำรายได้น้อยลง
ธุรกิจขายสินค้า ซึ่งบริษัทฯ มีฐานลูกค้ามากกว่า 5 ล้านรายจากหลายหลากอาชีพ NCP มองว่าสินค้าที่ขายเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับกลุ่มลูกค้าเหล่านั้น โดยที่พวกเขาต้องใช้สินค้าอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพราะประมาณ 70-80% เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น ช่วยในการนอนหลับ หรือบรรเทาอาการปวด ทำให้ลูกค้าไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงไปได้โดยง่าย
"เมื่อสุขภาพไม่ดี จะไปสู้อะไรกับวิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้น สินค้าของเราก็ยังขายได้ต่อเนื่อง เราเชื่อว่าไม่ว่าเศรษฐกิจโลกหรือเศรษฐกิจของประเทศไทยจะวิกฤติขนาดไหน ในวิกฤติก็จะมีโอกาสสำหรับ NCP เสมอ เพราะเรากระจายความเสี่ยงไปที่ลูกค้ามากกว่า 5 ล้านราย และเราไม่เชื่อว่าใน 5 ล้านรายจะโดนวิกฤติทั้งหมด" นายศรัณย์ กล่าว
ธุรกิจการบริการหลัก ที่ประกอบไปด้วย การจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และบริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 24% เมื่อปี 67 ก็สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามตลาด E-commerce พร้อมกับลดต้นทุนให้กับบริษัทฯ เมื่อเทียบกับการขายสินค้า
แต่ถึงแม้ตลาด E-commerce จะยังโตต่อเนื่องในแง่ปริมาณการขาย แต่ผลกำไรของผู้ประกอบการขายสินค้าออนไลน์ก็ไม่ได้โตตาม เนื่องจากภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ซึ่งบริษัทเชื่อว่าบริการของ NCP จะเข้ามาช่วยให้ต่อยอดจากฐานลูกค้าของผู้ประกอบการได้ ทำให้เกิดการซื้อซ้ำมากกว่าเดิม 1 เท่าตัว และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการตลาดบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำให้ธุรกิจบริการของ NCP ได้รับผลตอบรับที่ดี ไม่กลัวว่าผู้ประกอบการจะอยากตั้งบริการแผนกเทเลเซลล์เป็นของตัวเอง เพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ไม่คุ้มค่าการลงทุน รวมทั้งความสามารถ ประสบการณ์ และระบบเฉพาะของ NCP ที่สามารถทำประโยชน์ให้ผู้ประกอบการได้ในระยะยาวมากกว่า
ปัจจุบัน บริษัทฯ ก็ยังมีแผนงานที่จะพัฒนาด้านไอทีและการตลาด ซึ่งจะมีตั้งแต่ระบบปัญญาประดิษฐิ์ (AI) ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานบริการและการเจาะกลุ่มลูกค้า โดยระหว่างนี้กำลังหาผู้พัฒนาระบบที่ต้องการอยู่ อีกทั้งการตลาดแบบใหม่ที่จะผสม Digital และ Analog Marketing (Telesales) เข้าด้วยกันในชื่อ eHybrid โดยบริษัทฯ จะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในไตรมาส 4/68 และคาดว่าจะพร้อมใช้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า พร้อม ๆ กับขยายฐานลูกค้าไปหมวดหมู่อื่นนอกเหนือจากสินค้าสุขภาพและความงามอีกด้วย
ทั้งนี้ NCP ยังเสริมความสามารถในการสร้างรายได้ ด้วยแผนเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ผ่านโครงการคืนคนดีสู่สังคมที่ร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ในการเปิดโอาสให้ผู้ต้องขังเข้ามาทำงาน โดยคาดว่าจะเพิ่มพนักงานได้อีก 150 ที่นั่ง น่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4/68 และโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่ที่รองรับพนักงานขายได้เพิ่มขึ้นอีก 100 ที่นั่ง โดยมีกำหนดการเริ่มใช้งานได้ในต้นปี 69