นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ โดยที่ยังคงมีปัจจัยหนุนตลาดหุ้นจากความพยายามในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งยังคงมีการเดินหน้าไนการเจรจาต่อ ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่เปิดมาส่วนใหญ่แกว่งตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าขาดปัจจัยหนุนในประเทศที่เป็นแรงส่งดัชนีให้ไปต่อ หลังจากที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังไม่นิ่ง รวมถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ถูกเลื่อนออกไป ทำให้ยังขาดปัจจัยหนุนจากปัจจัยในประเทศช่วยผลักดันดัชนีต่อ
โดยให้แนวต้าน 1,150 จุด แนวรับ 1,130 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (10 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,866.87 จุด เพิ่มขึ้น 105.11 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,038.81 จุด เพิ่มขึ้น 32.93 จุด หรือ +0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,714.99 จุด เพิ่มขึ้น 123.75 จุด หรือ +0.63%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 38,431.10 จุด เพิ่มขึ้น 219.59 จุด หรือ +0.57% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,385.46 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด หรือ +0.02% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,191.32 จุด เพิ่มขึ้น 28.45 จุด หรือ +0.12%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 มิ.ย.) 1,139.16 จุด เพิ่มขึ้น 3.92 จุด (+0.35%) มูลค่าซื้อขาย 29,300.62 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (10 มิ.ย.) 1,432.44 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. (10 มิ.ย.) ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 64.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 มิ.ย.) อยู่ที่ 6.58 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.64 ทรงตัวรอปัจจัยใหม่ ตลาดจับตาตัวเลข CPI สหรัฐ
- บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเลื่อนประชุมในวันนี้ออกไปก่อน หลังจากหลายหน่วยงานยื่นขอใช้งบ 1.57 แสนล้านบาทกันชุลมุน ส่งผลตัวเลขของบเพิ่มกว่า 4 แสนล้านบาท
- ผวาพิพาทไทย-กัมพูชา ลากยาว ฉุดการค้า 3.6 แสนล้านดิ่ง เผยผลพวงทุบไทยเที่ยว-เล่นกาสิโนกัมพูชาวูบ ผู้เชี่ยวชาญชี้กรณีพิพาทปัจจัยเสี่ยงใหม่สั่นคลอนเศรษฐกิจไทย ขณะบีโอไอเผยข้อมูลไทยลงทุนกัมพูชาเกือบ 1 หมื่นล้านยังไม่สะเทือนจากสถานการณ์ ลุ้นประชุม JBC พบแสงสว่างทางออก
- นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 15 ล้านคนโกย 6.99 แสนล้านมาเลเซียเบียดจีนซิวแชมป์ NO.1 ครั้งแรก "สรวงศ์" ชี้ ก.ค.นี้ลุยเที่ยวไทยคนละครึ่ง
- ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ. หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ รองรับการออกสินทรัพย์ผ่านแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ หนุนโทเคน หุ้นกู้ ปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย นำเทคโนโลยีมาใช้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ก.ล.ต.ลุยกฎหมายลูกรองรับ หวังยกระดับตลาดทุนไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล "บิทคับ" ประเมิน "จีโทเคน" จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่
*หุ้นเด่นวันนี้
- บมจ.นูทริชั่น โปรเฟส เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "NUT" ในวันที่ 11 มิถุนายน 2568 โดยเสนอขายหุ้น IPO 37 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 6.80 บาท NUT ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท (House Brand) แบรนด์ร่วม (Co-Brand) และรับจ้างผลิตภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก (OEM)
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท เบื้องต้นเราประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 แม้จะชะลอ q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่คาดยังเติบโตได้แข็งแรง y-y โดยโมเมนตัมรายได้ในเดือน พ.ค. ดีขึ้นเป็นเติบโตราว +6% y-y เทียบกับเดือน เม.ย. ที่ราว 4% y-y เราคาดกำไรปกติปี 2568 ที่ 1.76 หมื่นลบ. +10% y-y ระยะสั้นมี Catalyst เชิงบวกหนุนหลังหนึ่งในผู้บริหารซื้อหุ้นเพิ่มอีก 5 แสนหุ้นที่ราคา 21 บาท เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ระยะสั้นราคาหุ้นยังฟื้นตัว Laggard กว่ากลุ่ม
- TOP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 33.30 บาท เราแนะนำเก็งกำไรหุ้น TOP ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีกำลังการกลั่น 275,000 บาร์เรลต่อวัน และครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30% ปัจจุบันหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับมูลค่าต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ด้วย PBV เพียงแค่ 0.4 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -2SD อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า GRM จะฟื้นตัวในระยะสั้นในไตรมาสไตรมาส 2/68 หนุนจากการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงขับขี่ของตลาดหลัก รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ปริมาณสต็อกของก๊าซโซลีนและน้ำมันดีเซลยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งส่งผลให้ Singapore GRM ปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 5.x ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2 จาก 3.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/68
- CENTEL (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35 บาท คาดแนวโน้มกำไรฟื้นตัว จากการกลับมาเปิดโรงแรมที่พัทยาและภูเก็ต หลังรีโนเวทไปในช่วงที่ผ่านมา ผสานกับรายได้โรงแรมที่ญี่ปุ่นที่ปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงไตรมาส 2/68 คาดหวังมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในประเทศจะออกมาในเดือนนี้ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 3/68 ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดเพียง EV/EBITDA ที่ 8.5 เท่า ต่ำกว่าอดีตค่อนข้างมาก