ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ. ท่าอากาศยานไทย [AOT] เร่งรัดให้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกแก้ปัญหาร้านค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานหลังจากได้รับหนังสือร้องขอจากกลุ่มคิงเพาเวอร์ และจ้างที่ปรึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐเพื่อศึกษาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพื่อศึกษาประเด็นข้อกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ การเงิน และการบริหารธุรกิจ เพื่อวิเคราะห์ข้อจำกัดของสัญญาเดิม รวมถึงเสนอแนวทางที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 60 วันก่อนเสนอต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
ขณะที่ AOT จะหารือร่วมกับบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ค่าตอบแทนที่ KPD ค้างชำระอยู่นั้น ยังไม่เกินวงเงินค้ำประกัน (Bank Guarantee) ที่ KPD วางไว้เป็นหลักประกันตามหลักเกณฑ์ในสัญญา ซึ่งถือเป็นหลักประกันทางการเงินของคู่สัญญาในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด
และ AOT ย้ำว่าบริษัทยังมีสถานะทางการเงินมั่นคงแข็งแกร่งและยังมีแผนขยายรายได้เพิ่มจากแหล่งอื่นๆ เช่น รายได้จากค่าบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า 400 Hz ระบบปรับอากาศ PC AIR โครงการผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นดินและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการรายที่ 3 และการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์รอบท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งที่จะก่อให้เกิดรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue)
"AOT ยืนยันว่ายังคงมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับรองรับโครงการลงทุนในอนาคตและการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินขององค์กร"
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า บ่ายวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.) AOT นัดพบตัวแทน KPD เพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นให้เข้าใจตรงกัน แต่ยังไม่ถือว่าเข้าสู่การเจรจา เพราะจะต้องรอผลศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาก่อน คาดว่าจะใช้เวลา 2 เดือน หรือประมาณเดือน ส.ค. 68 ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้ที่ปรึกษาฯคนกลางจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ 2 รายภายใน 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกัน คิงเพาเวอร์ จะยังคงต้องจ่ายผลตอบแทนตามสัญญาตามเดิมในรูปแบบ Minimum Guarantee ซึ่งสูงกว่าการจ่ายแบบ Revenue Sharing อัตรา 20% ของรายได้
รักษาการ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า รายได้จากร้านดิวตี้ฟรีของคิงเพาเวอร์มีสัดส่วน 17% ของรายได้รวม 63,000 ล้านบาทในปี 67 ของ AOT ถือว่ามีสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ แต่หากมีการยกเลิกสัญญาร้านดิวตี้ฟรีทั้งหมดจริง AOT ก็สามารถยึดแบงก์การันตีที่ครอบคลุมหนี้ค้างจ่ายของคิงเพาเวอร์ได้ และสถานะการเงินของ AOT ก็ยังแข็งแรงดี
"ถ้าตีความจากหนังสือที่ (คิงเพาเวอร์) ส่งมา เขาอยากขอเจรจาหลักการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ ก็ดูเป็น case by case ถ้าตรงไหนมีการเปลี่ยนแปลงไปจากต้นสัญญาเดิม ถ้าตกลงกันได้เราก็ไปกันต่อ ถ้าตกลงไม่ได้ก็ยกเลิกสัญญาในครั้งนี้เราจะไปยกเลิกไหมในฐานะเป็นรักษาการ ยังไม่สามารถตอบได้ต้องให้คณะกรรมการพิจารณาข้อดีข้อเสียก่อนที่จะยกเลิก"นางสาวปวีณา กล่าว
นางสาวปวีณา กล่าวว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของงวดปี 68 (ต.ค. 67-เม.ย.67) ท่าอากาศยานทั้งหมดภายใต้การบริหารของ AOT มีจำนวนผู้โดยสาร 79.12 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.6% แบ่งเป็นผู้โดยสารต่างชาติ 48.71 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.9% และผู้โดยสารในประเทศ 26.08 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.1%
ส่วนเที่ยวบินเติบโต 12.1% เป็น 481,000 เที่ยวบิน
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดในงวดปี 68 (ต.ค.67-ก.ย.68) เพิ่มเป็น 129 ล้านคน จากงวดปี 67 ที่มีจำนวนผู้โดยสาร 119 ล้านคน
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากธุรกิจการบิน (Aero) 54% และจากธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน (Non-Aero) 46%
บริษัทยังมีแผนขยายรายได้ส่วนอื่น ได้แก่ โครงการพัฒนาที่ดินบริเวณโดยรอบสนามบินที่คาดว่าเอกชนจะเริ่มทยอยเข่ามาลงทุนตั้งแต่เดือน ต.ค.68 ทั้งกลุ่มธุรกิจโรงแรม Logistic Park คลังสินค้า สถานที่คัดแยกสินค้า เป็นต้น รวมถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้ไทยเป็น Aviation Hub ได้แก่ ศูนย์ฝึกอบรมนักบิน ซึ่ง AOT ได้ร่วมมือกับสำนักงานการบินพลเรือน ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) หรือเพิ่มทางเลือกให้กับชาร์เตอร์ไฟลท์ เฮลิคอปเตอ เป็นต้น รวมถึงการเพิ่มผู้ให้บริการภาคพื้นดิน และคาร์โก้ รายที่ 3 ที่อยู่ระหว่างการรประมูล คาดว่าภายใน ก.ค.นี้จะรู้ผล จากนั้นจัดเตรียมสัญญา แล้วนำเสนอครม.อนุมัติต่อไป