นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยว่า จากกระแสตอบรับที่ดีของกองทุน SCBDBOND ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2567 ด้วยกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้เชิงรุกแบบยืดหยุ่น ซึ่งมีกรอบดูเรชั่นกว้างระหว่าง -10 ถึง 10 ปี โดยปัจจุบันกองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 25,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568)
SCBAM จึงได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวกองทุน SCBDLITE พร้อมเปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 17 - 23 มิถุนายน 2568 นี้
นอกจากนี้ SCBAM ยังมีกองทุนตราสารหนี้ที่ครอบคลุมกรอบระยะเวลาการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา
นางนันท์มนัส กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในช่วงกลางปี 2568 แสดงสัญญาณการเปลี่ยนผ่านที่น่าสนใจ โดยสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ภาวะ Soft Landing อย่างระมัดระวัง ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในครึ่งปีหลังหากแรงกดดันเงินเฟ้อคลี่คลาย ซึ่งเปิดโอกาสให้ตลาดตราสารหนี้กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง ในขณะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันใหม่จากการปรับลดประมาณการ GDP ปี 2568 ลงโดยหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ อันเนื่องมาจากอุปสงค์ภายนอกที่อ่อนแอ ความเปราะบางของภาคส่งออก และผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ แม้ภาคการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นภาครัฐจะยังเป็นแรงพยุงหลัก อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ กนง. ปรับลดดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ 1.75% และอาจลดลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ควรเน้นการกระจายความเสี่ยงระหว่างตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ พร้อมจับตานโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อทิศทางเงินเฟ้อและดอกเบี้ย โดย SCBAM มองเป็นจังหวะเข้าลงทุนสะสมตราสารหนี้ เพื่อล็อคอัตราผลตอบแทน Bond Yield ในปัจจุบัน และเพื่อรองรับสภาวะตลาดที่ยังมีความผันผวนและหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ SCBAM จึงเปิด กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Dynamic Bond Lite หรือ SCBDLITE กองทุนตราสารหนี้คุณภาพ ที่มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกโดยไม่ยึดติดกับดัชนีอ้างอิงใด สามารถปรับพอร์ตลงทุนได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อกระจายเสี่ยงและหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าได้ในทุกสภาวะตลาด
กองทุน SCBDLITE เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ-เอกชนคุณภาพดีระดับ Investment Grade ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เงินฝาก และตราสารอนุพันธ์ โดยใช้การวิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) เพื่อเฟ้นหาตราสารหนี้ที่มีมูลค่าน่าสนใจ (Valuation) และ/หรือมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ผ่านการเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทน (Yield) และส่วนต่างของความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Spread) เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตลงทุน
โดยกองทุนให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพคล่องของพอร์ตลงทุน การจัดสัดส่วนการลงทุนให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และการติดตามความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมีการบริหารดูเรชั่นตราสารที่ยืดหยุ่นระหว่าง -5 ปี ถึง 5 ปี และกระจายการลงทุนในระดับประเทศ ภูมิภาค และอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ โดยภาพรวมแล้วในภาวะตลาดปกติ พอร์ตจะมีดูเรชั่นของตราสารที่ประมาณ 3 - 4 ปี และหากตลาดทุนอยู่ในช่วงขาขึ้น (ตลาดกระทิง) และอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับลด กองทุนจะปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารระยะยาวมากขึ้นเพื่อรับประโยชน์จากการปรับตัวของราคา ในทางกลับกัน หากตลาดมีความผันผวนหรืออยู่ในภาวะขาลง (ตลาดหมี) กองทุนจะปรับลดสัดส่วนตราสารระยะยาวและเพิ่มสัดส่วนตราสารระยะสั้นทดแทน เพื่อรักษาเสถียรภาพของพอร์ตและสร้างผลตอบแทนรวมที่เหนือกว่าตลาดในทุกสภาวะ