หุ้น KTC ราคาร่วง 14.39% ติดฟลอร์ตามเกณฑ์ชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์ฯ มาอยู่ที่ 29.75 บาท ลดลง 5.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 509.91 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.46 น. โดยเปิดตลาดที่ 34.25 บาท
บล.อินโนเวสท์ เอ็กซ์ (INVX) ระบุว่า หุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย [KTC] ร่วงติด Floor -14.39% คาด อาจจะเกิดจากที่ KTC มีสัดส่วนหุ้นที่วางค้ำประกันบัญชีมารจิ้นสูงที่ประมาณ 16% ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว คงคำแนะนำ Underperform
นายกรกต เสวตร์ครุตมัด ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาหุ้น KTCปรับตัวลงแรง ยังไม่เห็นปัจจัยพื้นฐานที่น่ากังวล และเพิ่งได้รับทราบข้อมูลบริษัทว่าการเก็บหนี้ในไตรมาส 2/68 ยังมีทิศทางดี ไม่ได้แย่ลง ส่วนภาพรวมการใช้จ่าย แม้สินเชื่อไม่เติบโตเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ซึมตัวลง แต่มองว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ราคาลงแรง เพราะเรื่องนี้ก็ส่งผละกระทบต่อทุกบริษัทที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ จึงเห็นว่าไม่ได้กระทบผลประกอบการหรือปัจจัยพื้นฐานของ KTC
นอกจากนี้ KTC ยังมีสภาพคล่องที่ดี เครดิตเรทติ้งของ KTC ยังอยู่ระดับที่ดี สามารถ Rollover หุ้นกู้ได้ดี อีกทั้งธ.กรุงไทย (KTB) บริษัทแม่ก็ยังมีวงเงินกู้ให้อยู่ อีกทั้งหนี้สินของบริษัทก็ลดลงเรื่อยๆจากที่ทยอยจ่ายคืนหนี้
ดังนั้น คาดว่าสาเหตุที่ราคา KTC ปรับตัวลงเป็นเรื่องอะไรที่ไม่ใช่มาจากปัจจัยพื้นฐาน
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKH ระบุว่า ราคาหุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ดิ่งแตะ Floor ที่ 29.75 บาท (ราคา Floor: -15%) ในช่วงเช้าวันนี้ เราได้ตรวจสอบกับทาง KTC แล้ว และได้รับการยืนยันว่า ไม่มีข่าวหรือปัจจัยพื้นฐานสำคัญใด ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัท KTC แจ้งว่าไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันนี้
สำหรับรายการ Big Lot หุ้น KTC จำนวน 1 ล้านหุ้นเช้านี้ที่ราคา 34.75 บาท ต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 35.00 บาท เพียงเล็กน้อย มูลค่ารวมของรายการนี้อยู่ที่ 34.75 ล้านบาท การประเมินเบื้องต้นของเราคือ รายการ Big Lot นี้มีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบไม่มากนัก ต่อราคาหุ้น KTC โดยรวม เนื่องจากราคาที่ทำรายการไม่ได้แตกต่างจากราคาปิดก่อนหน้ามากนัก
ผลกระทบจากการถูกถอดออกจากดัชนี MSCI Global Index: แม้ว่าการ ถูกถอดออกจากดัชนี MSCI Global Index ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 อาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้น KTC ในระยะปานกลางจากการไหลออกของเงินลงทุนจากกองทุน Passive Funds แต่เรา ไม่คิดว่านี่คือปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันนี้ เนื่องจากตลาดได้รับทราบข่าวนี้และตอบรับไปแล้วตั้งแต่มีการประกาศ
มุมมองปัจจุบันและขั้นตอนต่อไป จากข้อมูลที่มีอยู่ สาเหตุของการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญของราคาหุ้นในวันนี้ยังคง ไม่ชัดเจน ในมุมมองของปัจจัยพื้นฐาน ฝ่ายบริหารของ KTC เองก็ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เราจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อรอข้อมูลใหม่ ๆ หรือปัจจัยพื้นฐานที่อาจเกิดขึ้น
UOBKH ยังแนะ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 58 บาท
บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ มองว่า KTC รายงานกำไรสุทธิ Q1/68 เพิ่มขึ้น 3.2% YoY ที่ 1,861 ล้านบาท ตามการเติบโตของพอตสินเชื่อส่วนบุคคล รายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น รวมถึงผลขาดทุนด้านเครดิตลดลง โดยรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 1.0% YoY อยู่ที่ 6,832 ล้านบาท ตามรายได้ดอกเบี้ยลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ เติบโต 3.4% YoY สอดคล้องกับพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลที่ขยายตัว
ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่ 1,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.25% YoY จากปริมาณธุรกรรม Interchange การเบิกถอนเงินสด และ รายได้ค่าธรรมเนียมร้านค้าสูงขึ้น ในส่วนของผลขาดทุนด้านเครดิตไตรมาสนี้ลดลง 5.3% YoYอยู่ที่ 1,594 ล้านบาท ตามแผนการควบคุมความเสี่ยงอย่างรัดกุมของบริษัท
แนวโน้มผลประกอบการ Q2/68 คาดจะยังสามารถเติบโตได้ YoY ในระดับ Low Single Digit หนุนด้วยการเติบโตพอร์ตลูกค้าบัตรเครดิต ตามกลยุทธ์การตลาดที่เน้นไปในกลุ่มสินค้าที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า ,การควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้ตัวเลข NPLต่ากว่าระดับ 2% คาดจะยังทาได้ตามเป้าหมาย และ รายได้จากค่าธรรมเนียมคาดฟื้นตัวตามปริมาณใช้จ่ายบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้น
บริษัทมองภาวะเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตไม่ได้เป็นไปตามที่คาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทาธุรกิจโดยรวม แต่บริษัทยังมีการเติบโตที่ดีกว่าตลาดหนุนด้วยการจัดทำโปรโมชั่นกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยคงคาดกำไรสุทธิ ปี 68 มากกว่า 7,437 ล้านบาท, อัตราเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ 10% ,พอร์ตสินเชื่อรวมขยายตัวประมาณ 4-5% และหนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้(NPL) รวมไม่เกิน 2%