
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย [AOT] เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.67-พ.ค.68) มีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งรวม 88.53 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 54.24 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.8% และผู้โดยสารภายในประเทศ 34.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.9%
ขณะที่มีเที่ยวบิน 544,590 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.9% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 308,777 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.5% และเที่ยวบินภายในประเทศ 235,813 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.9%

นอกจากนี้ AOT ได้ประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศในปีงบประมาณ 2569 (ต.ค.68- ก.ย.69) คาดว่าจะมีผู้โดยสารรวมกว่า 130 ล้านคน เที่ยวบินรวมกว่า 859,000 เที่ยวบิน และคาดว่าจะมีจำนวนสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ (Cargo) ประมาณ 1.64 ล้านตัน
ทั้งนี้ AOT บริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวงเชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่

สำหรับสุวรรณภูมิ ซึ่งมีผู้โดยสารใช้บริการมากสุด AOT มีแผนจะผลักดันให้ก้าวเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาค ยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจของผู้โดยสาร ผ่านโครงการ Suvarnabhumi Airport Experience Enhancement ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออก Concourse C เพื่อเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารทุกเพศทุกวัย เช่น Kids and Gaming Zone สำหรับผู้โดยสารกลุ่มครอบครัว และพื้นที่ Relaxing Co-Working Space Zone และ Digital Park Seats สำหรับกลุ่มวัยทำงาน พร้อมเปิดใช้งานได้ภายในปี 2569 นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการปรับปรุงห้องน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ทั้งในส่วนของอาคารผู้โดยสาร และอาคารเทียบเครื่องบิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จภายในปี 2571
โดยสุวรรณภูมิจะเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ให้แล้วเสร็จในปี 73 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถจากปัจจุบัน 65 ล้านคนต่อปี เป็น 80 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ควบคู่กับการเริ่มดำเนินโครงการพัฒนาด้านทิศใต้ ประกอบด้วย อาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) และทางวิ่งเส้นที่ 4 (4th Runway)
สำหรับดอนเมืองคาดเริ่มก่อสร้างอาคารผู้โดยสารอาคาร 3 ได้ภายในปี 69 และเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารอาคาร 3 เพื่อรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศในปี 73 และปรับปรุงอาคารผู้โดยสารอาคาร 1 เพื่อรองรับผู้โดยสารภายในประเทศในปี 75
พร้อมกันนี้ จะดำเนินการปรับปรุงสนามบินเชียงใหม่ให้แล้วเสร็จในปี 76 ทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 20 ล้านคนต่อปี ส่วนท่าอากาศยานภูเก็ตจะก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินภูเก็ตเป็น 18 ล้านคนต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 73 และสนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย จะพัฒนาให้รองรับผู้โดยสารจาก 3 ล้านคนต่อปี เป็น 6 ล้านคนต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 76
ขณะเดียวกัน AOT ก็มีแผนหาแหล่งรายได้อื่นเพื่อมาสนับสนุนสภาพคล่อง และเพิ่มรายได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue) โดยมีพื้นที่ศักยภาพรอบสนามบินทั้ง 6 แห่งที่จะสามารถนำมาสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการธุรกิจหลายด้าน จึงได้จัดงาน AOT Property Showcase เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีนักลงทุนติดต่อสอบถามรายละเอียดเข้ามาจำนวนมาก ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่ให้ความสนใจและแจ้งความประสงค์ขอเช่าพื้นที่กับ AOT จำนวน 28 โครงการ สำหรับประกอบธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น โรงแรม โครงการ MRO โครงการ Private Jet Terminal โครงการ Logistics Hub Training Center ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า โชว์รูมรถยนต์ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโครงการ Attraction in Terminal เป็นต้น โดย AOT เปิดให้นักลงทุนที่สนใจเริ่มเสนอโครงการเข้ามา เพื่อ AOT จะได้พิจารณาความเหมาะสมของแต่ละโครงการให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของ AOT ต่อไป
นางสาวปวีณา กล่าวในตอนท้ายว่า AOT พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบประสบการณ์เดินทางที่ดีเยี่ยมในระดับสากลด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริการ และนวัตกรรม มุ่งยกระดับประสบการณ์การเดินทางที่ สะดวก ปลอดภัย ทันสมัย และเป็นมิตรกับผู้โดยสารเพื่อยืนหยัดในบทบาทผู้นำด้านการบริหารท่าอากาศยาน และเป็นฟันเฟืองสำคัญของระบบคมนาคมทางอากาศเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป