โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไดนาสตี้เซรามิค(DCC)เป็นหุ้น Growth Stock และมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อีกทั้งเตรียมรับประโยชน์จากยอดขายที่สูงขึ้นภายหลังจากน้ำท่วมคลี่คลายลงจากที่คนจะต้องซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัย ดังนั้น ความต้องการกระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องปูผนังจะมีมากขึ้น ซึ่ง DCC ถือว่ามีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกระเบื้องและมีฐานลูกค้าต่างหวัดเป็นหลัก
DCC ยังมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งที่ผ่านมาในแต่ละปีก็มียอดขายและกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และยังสามารถควบคุม Cost ได้ดีมาก นอกจากนี้ ยังเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลดีด้วย โดยมีการจ่ายทุกไตรมาส คิดอัตราการจ่ายเงินปันผล(Divident Yield)ประมาณ 5-7%
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ในช่วง 1,270-1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,175 ล้านบาท ส่วนปี 55 กำไรสุทธิก็คาดว่าจะมี 1,461-1,550 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯก็ยังจะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลมาเหลือ 23% จากเดิม 30% ด้วย
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/54 คาดว่าจะออกมาไม่ดีจากยอดขายที่ชะลอตัวจากปัญหาในเรื่องการขนส่งช่วงน้ำท่วม ซึ่ง DCC ก็คงจะได้รับผลกระทบเหมือนรายอื่น
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ธนชาต ซื้อ 68.00 บล.พัฒนสิน ซื้อ 66.00 บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 65.00 บล.บัวหลวง ซื้อเก็งกำไร 62.00 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 61.50 บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 60.00 บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 60.00นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มองว่า DCC จะได้รับประโยชน์ภายหลังจากน้ำท่วมได้คลี่คลายลงคนจะต้องหันมาซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัย ดังนั้น ความต้องการใช้กระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องปูผนังจะมีมากขึ้น ซึ่ง DCC ถือว่ามีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีอยู่ 4 บริษัท คือ DCC, UMI, TGCI และ RCI และ DCC ก็มีฐานลูกค้าต่างหวัดเป็นหลัก
ทั้งนี้ มอง DCC เป็นหุ้น Growth Stock และเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เนื่องจาก DCC จะมีการเปิดเตาเผา และขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งที่ผ่านในแต่ละปีก็มียอดขาย และกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลดีด้วย โดยมีการจ่ายทุกไตรมาส คิดอัตราการจ่ายเงินปันผล(Divident Yield)ประมาณ 6-7%
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 1,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,175 ล้านบาท ส่วนปีหน้ากำไรสุทธิก็คาดว่าจะมี 1,500 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯก็จะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลมาเหลือ 23% จากเดิม 30% ด้วย
ขณะที่นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ผลประกอบการของ DCC จะมีการเติบโตดีในปีหน้าจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น แต่ละปีจะมีการขยายสาขาเพิ่มประมาณ 10 สาขา และยังมีการเพิ่มกำลังการผลิตด้วย อีกทั้งยอดขายในต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้นได้ดีจากที่จะมีการซ่อมแซมบ้านภายหลังจากภาวะน้ำท่วมคลี่คลายลง
ทั้งนี้ ในปีหน้าผู้บริหารของ DCC ได้คาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโต 10% ขณะที่ฝ่ายวิจัยได้คาดการณ์กำไรสุทธิในปีหน้าจะเติบโตประมาณ 12% โดยจะมีกำไรสุทธิประมาณ 1,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 23 ที่มีกำไรสุทธิ 1,176 ล้านบาท
นอกจากนี้ DCC ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง และมีการจ่ายสม่ำเสมอทุกไตรมาสด้วย โดยคาดว่าปีนี้(2554)จะจ่ายเงินปันผล 3.20 บาท หรือคิดอัตราการจ่ายเงินปันผล(Divident Yield)ประมาณ 6%
ส่วนผลประกอบการงวดไตรมาส 4/54 คาดว่าจะออกมาไม่ดีจากยอดขายที่น่าจะชะลอตัว อันเนื่องมาจากติดปัญหาในเรื่องการขนส่ง ซึ่ง DCC ก็คงจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมเหมือนคนอื่น ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ภาวะน้ำท่วมทำให้อาจจะต้องมีการทบทวนประมาณการยอดขายและกำไรของ DCC อีกครั้งในอนาคต
น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า โดยปกติ DCC จะมียอดขายที่ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีเรื่องภาวะน้ำท่วมทำให้ยอดขายของ DCC น่าจะดีขึ้นไปอีก เนื่องจากจับลูกค้าระดับกลาง-ล่างและมีศูนย์การกระจายสินค้าอยู่ทั่วทุกจังหวัดของประเทศ
อีกทั้ง DCC มีการควบคุม Cost ที่ถือว่าทำได้ดีมาก และยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงดีด้วย โดยมีอัตราการจ่ายเงินปันผล(Divident Yield)ปีละ 5-6%
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 1,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปี 53 ส่วนปี 55 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีนี้