นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ. ปตท. (PTT) กล่าวว่า ขณะนี้มีสถานีบริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ เอ็นจีวี ที่ต้องปิดให้บริการเนื่องจากถูกน้ำท่วมไปแล้ว 123 แห่ง ขณะที่ความต้องการใช้ก็ลดน้อยลงเนื่องจากมีรถแท๊กซี่จำนวนมากที่จอดไว้เพื่อหนีน้ำ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังน้ำลดปตท.จะเร่งฟื้นฟูสถานีบริการเอ็นจีวีให้เร็วขึ้น เพื่อให้ทันต่อความต้องการใช้ในช่วงหลังน้ำลดที่จะมีเ ป็นจำนวนมาก
ส่วนการขนส่งน้ำมันของปตท.ยังสามารถดำเนินการได้อย่างไม่มีปัญหาถึงแม้ว่าการขนส่งน้ำมันบนถนนจะไม่สามารถดำเนินการได้ โดยจะใช้วิธีขนส่งทางท่อ ของบริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด หรือ แทปไลน์แทน โดยจะส่งไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทก็ได้มีแผนสำรองโดยจะใช้ท่อส่งน้ำมันดิบ ของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ เอฟพีที ซึ่งเป็นของ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จัดส่งแทน
ด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT เปิดเผยว่า หลังภาวะน้ำท่วมมีความเห็นว่าการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความจำเป็นมาก เพื่อที่จะใช้ในการขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือ และภาคอีสาน ในภาวะที่น้ำท่วมได้โดยรวดเร็ว เพราะปัจจุบันต้องมีการขนส่งโดยใช้รถบรรทุก เมื่อมีปัญหาเส้นทางตัดขาดก็ทำให้การขนส่งเป็นไปยากขึ้น
สำหรับนโยบายกระทรวงพลังงานที่จะให้ ปตท. เข้าไปซื้อหุ้นใน บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด หรือ แทปไลน์ มากขึ้น ยังไม่ได้มีการเจรจา แต่หากต้องซื้อเพิ่มขึ้นก็จะต้องเจรจากับผู้ค้าน้ำมันรายอื่น เพราะมีผู้ค้าน้ำมันรายอื่นถือหุ้นอยู่หลายราย
ส่วนนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT กล่าวเสริมว่า แผนการซื้อหุ้นในแทปไลน์ ได้ถูกกำหนดในแผนการลงทุนระยะยาวของ ปตท. เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนเพิ่ม โดยจะดำเนินการต่อหลังจากน้ำลดลง