SC ฟอร์มแรงยอดขาย Q2/68 ทุบสถิติ ชูบ้านหรู-โครงการใหม่นำทัพพร้อมปรับพอร์ตลุยโรงแรม-คลังสินค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 22, 2025 18:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

SC ฟอร์มแรงยอดขาย Q2/68 ทุบสถิติ ชูบ้านหรู-โครงการใหม่นำทัพพร้อมปรับพอร์ตลุยโรงแรม-คลังสินค้า

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น [SC] เปิดเผยผลประกอบการที่โดดเด่นในไตรมาส 2/68 ด้วยยอดขายแนวราบสูงถึง 5,204 ล้านบาท เป็นสถิติสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด 118% จากไตรมาส 1/68 และเพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ยอดขายรวมครึ่งปีแรกปี 68 อยู่ที่ 9,613 ล้านบาท เติบโต 4%

ปัจจัยสำคัญที่หนุนยอดขายแนวราบ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านราคาสูง 20 ล้านบาทขึ้นไป ได้แก่ โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขสวัสดิ์-พระราม 3, แมทเทอร์ งามวงศ์วาน และ เรฟเฟอเรนซ์ สาทร วงเวียนใหญ่ ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นบ้านแนวราบในกลุ่มตลาดบนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวน้อย นอกจากนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยังเป็นแรงหนุนให้บ้านแนวราบกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้น ควบคู่กับการทำการตลาดเชิงรุกของบริษัทฯ

สำหรับแผนครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 8 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 6 โครงการ รวมถึงโครงการระดับพรีเมียม "SONLE รัชวิภา" ราคาเริ่มต้น 250 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ได้แก่ COBE ลาดพร้าว-สุทธิสาร และ SKV20 โดยคาดว่าโมเมนตัมของยอดขายแนวราบจะยังคงดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/68 แม้การแข่งขันด้านราคาในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงสูง

"แต่ละผู้ประกอบการต้องการรักษาสภาพคล่อง ขณะที่การลงทุนของผู้ประกอบการน่าจะชะลอตัว หรือมีการกระจายการลงทุน ส่วน SC เดินหน้าการขายแบบเชิงรุก โดยนำ DATA มาวิเคราะห์ลูกค้ามากขึ้น และคาดว่าโมเมมตัมแนวราบยังส่งผลดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/68 แต่อาจไม่แรงเท่าไตรมาส 2/68 แต่เชื่อว่าจะดีกว่าไตรมาส 1/68"

SC ยังคงยืนยันเป้ายอดขายและรายได้รวมในปี 68 ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท และ 2.5 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ แม้จะเผชิญปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจ เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดหวังปัจจัยบวกจากทิศทางดอกเบี้ยขาลงหลังได้ผู้ว่า ธปท. คนใหม่ รวมถึงนโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เช่น การผ่อนคลาย LTV และการลดค่าโอน-จดจำนอง

ในส่วนกลุ่มสร้างรายได้ประจำ คาดสิ้นปีนี้คลังสินค้าและโรงงานให้เช่าจะสร้างเสร็จสะสมกว่า 150,000 ตร.ม. เป้าหมาย Occupancy 100% จากปัจจุบันมี 100,000 ตร.ม. ที่มียอด Occupancy 100%ส่วนดรงแรม เปิดให้บริการ YANH RATCHAWAT , ในก.ย.นี้ เปิดให้บริการ KROMO CURIO COLLECTION by Hilton และต.ค.นี้ เปิด The Standard Pattaya Na Jomtien นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา 1 โครงการ

"ต้องบอกว่าปีนี้ยาก แต่ เรายังไม่ปรับเป้า เรายังยืนเป้าเดิม ทำแบรนด์ให้ดี การลงทุนหลากหลายก็ยังทำเหมือนเดิม แต่เราจะมอนิเตอร์ตัวเลขทุกๆเดือน แล้วเราจะปรับ หรืออาจปรับเลขการลงทุนลงเพื่อให้ buffer สภาพคล่อง ยังรับมือได้อยู่ เรายังเน้นพอร์ตเรายังมี engine ทั้ง 3 ตัว ...ทุกๆ Project เรายังเปิดตามแผน"

นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดรวมมีสต๊อกบ้านแนวราบยาวถึง 5 ปี คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีถึงจะลดลง ทำให้จะเห็นการแข่งขันยังสูง แต่ก็จะเบาลงเรื่อยๆ ขณะที่คอนโดมิเนียมมีสต็อกยาวถึง 2 ปี 10 เดือน แต่ก็ยังมีดีมานด์จากต่างชาติ ได้แก่ จีน เมียนมา รัสเซีย ไต้หวัน สิงคโปร์ เชื่อว่าซัพพลายจะลดลงไม่ช้า แต่ดีมานด์ก็ไม่ได้ร้อนแรง อย่างไรก็ดีภาวะไม่ถึงกับ over supply

ปัจจุบัน SC มีโครงการที่อยู่อาศัยรวม 99 โครงการ มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท โดยเป็นแนวราบ 65% และแนวสูง 35% โดย 2 ใน 3 ของโครงการแนวราบเป็นบ้านระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไป

ส่วนการร่วมมือกับพันธมิตรมีทั้ง่ไทยและต่างชาติ 6 ราย ได้แก่ พันธมิตรญี่ปุ่น คือ โตเกียว ทาเทโมโนะ , ไดวะ เฮ้าส์ กรุ๊ป , นิชิเทตสึ ซึ่งมีโครงการ Joint Venture 10 โครงการ

- โครงการแนวราบ ได้แก่ PAVE Kanchana-Ratchaphruek

- โครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ Reference Kaset District, Reference Sathorn-Wongwianyai, The Crest Park Residences

- คลังสินค้า ได้แก่ SCX Logistics Bangna กม.20 , SCX Logistics LaemChabang และ SCX Logistics Amata Chonburi

- โรงแรม ได้แก่ KROMO CURIO COLLECTION by Hillton และ The Standard

บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยงบลงทุน 7 พันล้านบาทในปีนี้ ส่วนใหญ่จะรอดูสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 3 ก่อนตัดสินใจลงทุนซื้อที่ดินในไตรมาส 4 นอกจากนี้ยังคงเน้นการบริหารสภาพคล่องและกระจายแหล่งเงินทุน รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งไทยและต่างชาติกว่า 6 ราย ในการพัฒนาโครงการหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่อยู่อาศัย คลังสินค้า และโรงแรม เพื่อสร้างสมดุลของพอร์ตธุรกิจ

นายณัฐพงศ์ ย้ำถึงกลยุทธ์การสร้างสมดุลในพอร์ตธุรกิจที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสร้างกำไรต่อเนื่อง (Profit) จากโครงการที่อยู่อาศัย, กลุ่มสร้างการเติบโต (Growth) ที่เน้นรายได้ประจำจากคลังสินค้าและโรงแรม (ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำไรสุทธิเป็น 25% ใน 5 ปีข้างหน้า) และ กลุ่มอนาคต (Future) เช่น ธุรกิจ Wellness โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 67 จะมีโครงการที่พร้อมดำเนินงานรวมประมาณ 115 โครงการ ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการสร้างรายได้ประจำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ