
นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) [SIS] เปิดเผยว่า บริษัทมองเห็นโอกาสจากนโยบายสนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์ของรัฐบาล รวมถึงแนวโน้มทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียนจึงพัฒนาโมเดล "Private PPA" ที่ช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์โดยไม่ต้องลงทุนติดตั้งระบบเอง โดยเอสไอเอสจะรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดในด้านอุปกรณ์และการติดตั้ง พร้อมให้บริการดูแลตลอดอายุสัญญา 15 ปี ขณะที่ผู้ใช้งานเพียงชำระค่าไฟฟ้าในราคาที่ถูกลงอย่างมีนัยสำคัญ
"เราตั้งเป้าช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าไฟ 10-30% จากเดิม โดยไม่ต้องลงทุนใด ๆ เลย เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางขึ้นไปที่ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 100-500 กิโลวัตต์ หรือมีค่าไฟระหว่าง 50,000-500,000 บาทต่อเดือน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โกดังสินค้า และโรงพยาบาล" นายสมชัย กล่าวโครงการนี้ เอสไอเอส ได้เลือกใช้อุปกรณ์คุณภาพระดับสากลเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการผลิตพลังงาน ประกอบด้วย:
- แผงโซลาร์เซลล์ LONGi ที่ใช้เทคโนโลยี TOPCon ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรในการผลิตพลังงาน
- อินเวอร์เตอร์ Huawei ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้นำตลาดโลกด้านการแปลงกระแสไฟฟ้า พร้อมระบบ Monitoring ที่แม่นยำ
- อินเวอร์เตอร์จาก SolarEdge แบรนด์อินเวอร์เตอร์ชั้นนำ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่เน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
- อุปกรณ์ติดตั้งจาก RRacks ที่มีจุดเด่นเรื่องความแข็งแรง ทนทาน และสามารถติดตั้งได้รวดเร็วพร้อมบริการวิศวกรรมระดับมืออาชีพ
บริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัท ช้าง โซล่าเซลล์ เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นดีลเลอร์และ EPC (Engineering, Procurement and Construction) ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และภาคเกษตรกรรม รวมถึงบริการหลังการขาย โดยมีจุดแข็ง คือ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง การใช้เทคโนโลยีคุณภาพสูง และการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดภายใต้ทีมงานมืออาชีพซึ่งจะรับผิดชอบงานติดตั้งและบริการหลังการขายตลอดอายุสัญญา
นายวุฒินันท์ รัตนโชติภิญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช้าง โซล่าเซลล์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า การร่วมมือกับเอสไอเอส ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความมั่นคงสูง และมีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุมทั่วประเทศ จะช่วยให้เราขยายฐานลูกค้าและยกระดับมาตรฐานบริการให้เข้าถึงภาคธุรกิจทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว ลูกค้ารายแรกที่เข้าร่วมโครงการ คือ บริษัท เอ็มพลัสไทยสินทรัพย์ จำกัด ธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยต่อเดือน 72,000 บาท
เอสไอเอส คาดว่าในปีแรก รายได้จากธุรกิจโซลาร์เซลล์จะมีสัดส่วน 10% หรือขนาดโครงการรวม 2 MWp (เมกะวัตต์สูงสุด) โดยคิดเป็นมูลค่า 40 ล้านบาท ของหน่วยธุรกิจ Energy Management ที่มีมูลค่ารวม 380 ล้านบาท และมีเป้าหมายเติบโตขึ้นเป็น 50% ภายในปีถัดไป โดยตลาดรวม Private PPA ในประเทศไทยในปี 2567 มีมูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2568 และระยะยาว โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 5 กิกะวัตต์ หรือ 2 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปี
"เราวางเป้าหมายให้ เอสไอเอส เป็นผู้ให้บริการพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับภาคธุรกิจที่ครบวงจรที่สุดในประเทศ ภายใน 3 ปีข้างหน้า เราไม่เพียงขายเทคโนโลยี แต่เรากำลังส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจไทย " นายสมชัย กล่าว