เมื่อเวลา 15.00 น. BH พุ่ง 6.60% เพิ่มขึ้น 10.00 บาท มาที่ 161.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,851.20 ล้านบาท
CHG บวก 1.16% เพิ่มขึ้น 0.02 บาท มาที่ 1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 24.96 ล้านบาท
BDMS บวก 0.94% เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มาที่ 21.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,468.77 ล้านบาท
BCH บวก 0.72% เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มาที่ 14.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 72.57 ล้านบาท
บล.กรุงศรี ระบุว่า ราคาหุ้นโรงพยาบาลมีโมเมนตัมเด่นเช้านี้กำลังทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย EMA 75 วัน อิงภาคบริการที่มีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง ผสานปัจจัยเร่งอื่น และหุ้นยัง Laggard ภาคบริการอื่น มีโอกาสเด่นต่อ โดยประเมินแรงหนุนหลักมาจากภาคบริการฟื้นตัวต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้น 3 สัปดาห์ติดต่อกัน เราคาดนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางในเดือน ก.ค.68 ขึ้นทำจุดสูงสุดรายเดือนเหมือนทุกปี แนะจับตารายงานที่จะออกช่วงปลายสัปดาห์นี้-ต้นสัปดาห์หน้า และมีจิตวิทยาบวกราคาน้ำมันเร่งขึ้นต่อเนื่อง 2 วันทำการ หนุนกำลังซื้อคนไข้ตะวันออกกลางกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลไตรมาส 3 ช่วงปลายฝนต้นหนาว
กลุ่มโรงพยาบาล ยังเป็นกลุ่มอิงภาคบริการที่ Laggard YTD Return -18.6% (vs SET -11.9%, โรงแรม -13.7%) ปัจจุบันยังอยู่ในโซน Deep Value มี Forward PER AVG - > 1 S.D. ที่ 19.4 เท่า ผสานอิงสถานการณ์ Fund Flows ที่ยังมีแนวโน้มเข้าสู่ตลาดหุ้น Emerging และไทยกำลังเป็นเป้าหมาย คาดโรงพยาบาลใหญ่ อาทิ BH และ BDMS จะถูกกลับสถานะลำดับต้นๆ
ทางพื้นฐาน เราแนะนำ "ซื้อ" BDMS ราคาเป้าหมาย 33 บาท BH ราคาเป้าหมาย 200 บาท โดยเลือก BDMS เป็น Top Picks
ด้าน บล.ลิเบอร์เรเตอร์ ระบุว่า ราคาหุ้น BH ขึ้นมาแรงจากประเด็นแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1/68 หลักๆ จากการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งเป็น Medical Tourism ที่สำคัญ แม้ปัญหาผู้ป่วยจากคูเวตจะยังมี แต่มองว่ามีผลกระทบต่อรายได้ไม่มาก เพราะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ
นอกจากนัน บริษัทมีการปรับขึ้นค่าบริการช่วงต้นปี ช่วยชดเชยรายได้ที่อ่อนตัวในช่วงรอมฏอนและการหายไปของคนไข้คูเวตกับ UAE องค์รวมภาพธุรกิจจึงฟื้นตัวตามคาดและมีโอกาสเติบโตในครึ่งปีหลัง คาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ไว้ที่ราว 7,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 7,774 ล้านบาทในปี 67