
บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ [TFM] รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดขาย 1,476 ล้านบาท เติบโต 13.8% หลังกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารกุ้งและอาหารปลาในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง หนุนอัตรากำไรขั้นต้นทำนิวไฮที่ 22.9% และเป็นการเติบโตแข็งแกร่ง 6 ไตรมาสติดต่อกัน ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 49.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนประสิทธิภาพการในการดำเนินธุรกิจ พร้อมมั่นใจรายได้ปี 68 เติบโต 7-9% ย้ำปักธงเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาทภายในปี 73
นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/68 บริษัทประสบความสำเร็จในการเติบโต โดยมียอดขายและกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยยอดขาย 1,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% หากเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของยอดขายตลาดในประเทศ เมื่อวิเคราะห์รายผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อาหารกุ้ง ทำยอดขาย 929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากตลาดในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการขยายส่วนแบ่งตลาด ทั้งการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่และขยายฐานลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ผลิตภัณฑ์อาหารปลา บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2% โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณขายอาหารปลากะพงที่เติบโตถึง 29.1% รวมถึงอาหารปลาประเภทอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ในการขยายส่วนแบ่งทางการตลาด ตอกย้ำความเป็นผู้นำอาหารสัตว์น้ำของบริษัทฯ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่มั่นคงและแข็งแกร่ง จากการบริหารจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับต่ำเพียง 0.08 เท่า ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 68 เติบโตแข็งแกร่งเช่นกัน โดยมียอดขาย 2,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% และมีกำไรสุทธิ 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวเพิ่มว่า สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานปี 68 คาดว่ารายได้จะเติบโต 7-9% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักธุรกิจอาหารกุ้งและปลาที่โตต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน TFM พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้น โดยอาศัยปัจจัยสนับสนุนจากการบริหารพอร์ต การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ตลอดจนการจัดการต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเดินหน้าบริหารอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย เพื่อสร้างสมดุลในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อนตามแผนการเติบโตระยะยาว เพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้รวม 10,000 ล้านบาทภายในปี 73 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) ประมาณ 11% ต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัทฯ ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซีย โดยเน้นการขยายกำลังการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการยกระดับเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัยยิ่งขึ้น อีกทั้ง TFM ยังพร้อมเปิดรับโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ การขยายตลาด และการหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยอาศัยจุดแข็งด้านกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และโครงสร้างหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารเงินทุนและสนับสนุนการขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคงในอนาคต