
บล.ทิสโก้ มีมุมมอง "บวกอย่างระมัดระวัง" ต่อการลงทุนในหุ้นไทยเดือนสิงหาคม โดยปัจจัยบวกมาจากนักลงทุนต่างประเทศมีแนวโน้มไหลเข้ากลับซื้อหุ้นไทยอีกครั้งจากราคาหุ้นที่น่าสนใจ และน่าจะเห็นแรงซื้อหุ้นเพื่อหวังปันผล รวมทั้งเก็งกำไรหุ้นผลประกอบการดี แต่ยังให้จับตาความไม่แน่นอนการเมืองในช่วงครึ่งเดือนหลังที่อาจฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยมุมมอง "บวกอย่างระมัดระวัง" ต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคมโดยในช่วงครึ่งเดือนแรกน่าจะได้อานิสงส์จากแนวโน้มเงินทุนต่างชาติที่เป็นบวก และการเก็งกำไรผลประกอบการและคาดหวังเงินปันผล แต่ในช่วงครึ่งเดือนหลัง ต้องติดตามปัจจัยการเมืองที่อาจกลับมาสร้างความกังวลใจแก่นักลงทุน
บล.ทิสโก้ แนะนำนักลงทุนเลือกหุ้นที่แนวโน้มงบไตรมาส 2/68 จะออกมาดีหรืออย่างน้อยเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และเลือกหุ้นบางตัวที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล รวมทั้งหุ้นที่ผู้บริหารร่วมงาน Thailand Focus ซึ่งจะสร้างความสนใจให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบล.ทิสโก้แนะนำลงทุนในหุ้น AMATA, COM7, GPSC, GULF, KKP, PR9 และ SCB
สำหรับด้านแนวรับสำคัญหุ้นไทยอยู่ที่ 1,190-1,200 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,270-1,300 จุด ตามลำดับ
นายอภิชาติกล่าวอีกว่า ภาพรวมกำไรสุทธิ Q2/68 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร และหุ้น Real Sector ขนาดใหญ่บางตัวที่รายงานออกงบมาแล้ว อาทิ SCGP, SCC และ BH เป็นต้น ส่วนใหญ่มีกำไรดีกว่าคาด น่าจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อเก็งผลประกอบการในระยะสั้น และทิศทางการลงทุนของต่างชาติในเดือนกรกฏาคม พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ถือเป็นสัญญาณที่ดี
ขณะที่ทิศทางการลงทุนของต่างชาติยังมีแนวโน้มเป็นบวกในระยะสั้นจาก (1) หุ้นไทยปีนี้ยังให้ผลตอบแทนติดลบกว่า -11% ถือว่ายัง Laggard หุ้นโลกมากที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติใหม่ในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การประเมินมูลค่ายังต่ำกว่าหุ้นโลกมาก โดย Fwd. PER ปีหน้าตลาดหุ้น DM ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 19 เท่า เทียบกับตลาดหุ้นไทยที่ 13 เท่า มีส่วนต่าง (Valuation Gap) สูงถึง 6 เท่า ซึ่งมากกว่า +2SD จากค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีตที่อยู่ที่ 1.6 เท่า
(2) การถือครองหุ้นไทยของต่างชาติยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ปัจจุบันถือครองอยู่ที่ 19.8% ของจำนวนทุนจดทะเบียน เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 20.2% จากการประเมินของบล.ทิสโก้ หากต่างชาติถือครองหุ้นเพิ่มขึ้น หรือลดลง ทุก ๆ 10 bps หรือ 0.1% จะคิดเป็นเม็ดเงินราว 1.5 หมื่นล้านบาท
และ (3) หุ้นไทยพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงเดือนที่ผ่านมา +14% vs MSCI World Index +2% เพิ่มโอกาสที่ MSCI และ FTSE จะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยในการทบทวนรอบเดือนสิงหาคมซึ่งจะมีการประกาศในวันที่ 7 สิงหาคมและ 22 สิงหาคมตามลำดับ ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินจากกองทุนต่างประเทศไหลกลับมา
ผสานกับข้อมูลเชิงสถิติ 5 ปี และ 10 ปีบ่งชี้เดือนสิงหาคมตลาดหุ้นไทยมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นอยู่ในระดับสูงที่ 80% และ 70% โดยจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกที่ +2.8% และ +1.2% ตามลำดับ ซึ่งเป็นเดือนที่มีโอกาสในการปรับตัวขึ้นและให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่น ๆ บล.ทิสโก้มองปรากฎการณ์นี้เกิดจาก (1) แรงซื้อเก็งผลประกอบการและคาดหวังการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และ (2) อานิสงส์เชิงบวกจากงาน Thailand Focus ที่มักจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมของทุกปี และตลาดหุ้นไทยมักตอบสนองในทางบวก
แต่การลงทุนในหุ้นไทยยังต้องจับตาและระวังคดีความทางการเมืองที่คาดว่าจะทยอยตัดสินในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า อาจสร้างความกังวลหวนกลับมา โดยเฉพาะคดี ส.ว.ยื่นถอดถอนนายกฯ แพทองธาร หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติคล้ายกรณีนายกฯ เศรษฐาในช่วงกลางปีที่แล้ว จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ต้องเสียเวลาอย่างน้อย 1 เดือนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศ
ด้านทางเลือกการลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยผ่าน DR เดือนสิงหาคมนี้ บล.ทิสโก้แนะนำ CNTECH01 และ TENCENT80 อานิสงส์ภาษีทรัมป์หลังเจรจาที่ลดต่ำลงทั้งประเทศในกลุ่ม EM และพันธมิตรของสหรัฐฯ ช่วยหนุนตลาด โดยหุ้นกลุ่มเทคโลกยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น บล.ทิสโก้มองหุ้นกลุ่มเทคจีนได้ประโยชน์จากการกลับมาส่งออกชิปของสหรัฐฯ แลกกับการส่งออกแร่หายากของจีน ขณะที่การประเมินมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคจีนยังต่ำกว่าหุ้นเทคโลกและราคายังปรับตัวขึ้นช้า