สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (29 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้) มีมูลค่ารวม 295,645 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 73,911 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 41% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 52% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 154,355 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 112,880 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,911 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38% และ 5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB456A (อายุ 19.9 ปี) LB303A (อายุ 4.6 ปี) และ LB26DA (อายุ 1.4 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 11,749 ล้านบาท 8,842 ล้านบาท และ 8,060 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT284A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 896 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รุ่น PTTC344A (AAA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 876 ล้านบาท และหุ้นกู้ของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รุ่น FPT25DA (Non-Rated) มูลค่าการซื้อขาย 587 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น 2-4 bps. ด้านปัจจัยในประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงประมาณการเศรษฐกิจ (GDP) ไทยปี 2568 ขยายตัว 2.2% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 2.1% จากการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการส่งออกที่ขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 19% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่เรียกเก็บจากกัมพูชาและมาเลเซีย โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ด้านปัจจัยต่างประเทศ รายงานประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 3.0% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.3% ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.0% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 2.8% สำหรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 29-30 ก.ค. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามการคาดการณ์ของตลาด เช่นเดียวกับผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เมื่อวันที่ 30-31 ก.ค. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0.5% เนื่องจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน
สัปดาห์ที่ผ่านมา (29 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 1,854 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 2,155 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 309 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 8 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (29 ก.ค. - 1 ส.ค. 68) (21 - 25 ก.ค. 68) (%) (1 ม.ค. - 1 ส.ค. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 295,645.37 497,912.26 -40.62% 12,721,158.52 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 73,911.34 99,582.45 -25.78% 90,220.98 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 114.81 115.03 -0.19% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 109.41 109.43 -0.02% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (1 ส.ค. 68) 1.41 1.4 1.39 1.29 1.32 1.51 1.76 2.15 สัปดาห์ก่อนหน้า (25 ก.ค. 68) 1.4 1.4 1.39 1.29 1.32 1.49 1.72 2.15 เปลี่ยนแปลง (basis point) 1 0 0 0 0 2 4 0