KASSET โชว์ AUM ครึ่งปีแรกโตเหนือตลาด ปักธงดันขึ้น NO.1 ด้าน ESG Investment

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 4, 2025 12:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

KASSET โชว์ AUM ครึ่งปีแรกโตเหนือตลาด ปักธงดันขึ้น NO.1 ด้าน ESG Investment

นายวิน พรหมแพทย์ CFA, ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย (KASSETX เปิดเผยว่า ในปีนี้การลงทุนผันผวนมากจากภาวะเศรษฐกิจน่ากังวล ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกภาพรวมกองทุนรวมเติบโตเพียง 1%กว่า แต่ KASSET เติบโตถึง 7% เนื่องมาจากการแนะนำการลงทุนให้กับลูกค้าได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้นปี ทั้งการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้และกองทุนผสม ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับธนาคารกสิกรไทย [KBANK] ทำให้มีเงินใหม่สุทธิเข้ามากองทุนของ KASSET มากสุดราว 8 หมื่นล้านบาท หรือประมาณครึ่งหนึ่งของเงินใหม่สุทธิของภาพรวมธุรกิจกองทุนรวมที่มีกว่า 1.5 แสนล้านบาท

"ทำไมเราถึงโตได้ถึง 7% เพราะเราแนะนำถูกเรื่อง ตั้งแต่ต้นปีเราแนะนำเข้าลงทุนตราสารหนี้ กองผสม ก็ถือว่าถูกที่ถูกเวลา และเราไปพร้อมกับ KBANK ด้วยจับมือกันแนะนำลูกค้าพอเจอภาษีทรัมป์เข้าไปตลาดลงลบกว่า 20% ก็ไม่เดือดร้อน กองตราสารหนี้ก็บวกส่วนกองทุนผสมอย่างมากก็ลบ 3% แสดงว่าเราพาลูกค้าฝ่าคลื่นลมแย่ๆ ออกมาค่อนข้างสบายกว่าเยอะเลย ต่อให้ผ่านภาษีทรัมป์มาเราก็พาลูกค้ารอดมากได้"นายวิน กล่าว

ส่วนครึ่งปีหลัง ยังคงแนะนำลงทุนกองตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ ถ้าเป็นกองทุนหุ้น แนะนำ K-GPIN ซึ่งเป็น Global Equity Fund ที่จะช่วยฝ่าด่านคลื่นลมเศรษฐกิจไปให้ได้ เหมาะกับตลาดหุ้นที่มีความผันผวนมากๆ โดยกองทุนนี้มีการลงทุน Option ไว้ด้วย

นายวิน กล่าวอีกว่า KASSET ยังยึดเป้าหมายเดิมที่จะผลักดันมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) แตะ 2 ล้านล้านบาทภายใน 3 ปี หรือปี 70 โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย.68 AUM อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจกองทุนรวม 1.3 ล้านล้านบาท

*หุ้นไทยยังเผชิญความเสี่ยง แนะปรับพอร์ตมาหุ้นปันผล

นายวิน กล่าวถึง ตลาดหุ้นไทยจากที่รอผลการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐ สุดท้ายสหรัฐประกาศเก็บภาษีจากไทย 19% เกาะกลุ่มประเทศอาเซียน จากนี้ไปคงต้องรอให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย ท่ามกลางความกังวลเรื่องเศรษฐกิจของไทยที่ยังเติบโตต่ำ และปัจจัยการเมือง

หากต่างชาติกลับเข้ามาหุ้นไทยก็ไปต่อได้ ดังนั้นภาพระยะสั้นหรือรอบนี้ถ้าไม่ลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิม (1,050 จุด) ถือว่าฟื้น โดยแนะนำลูกค้าที่มองหุ้นไทยยังไม่ตอบโจทย์ให้ปรับพอร์ตหุ้นไทยมาเป็นหุ้นปันผล ซึ่งมีกองทุน K-Value ที่เน้นหุ้นปันผลสูงที่มี 4 กลุ่มคือธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร และพลังงาน ที่คาดหวังจ่ายปันผล 5% และปีหน้า 6% นอกจากนี้กองทุนนี้กองทุนผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นไทย

นางสาวภารดี มุณีสิทธิ์ CFA, รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน KASSET กล่าวว่า ในไตรมาส 3/68 ตลาดหุ้นไทยน่าจะ Price in เรื่องภาษีทรัมป์ที่เก็บไทย 19% และอยู่ในประมาณกำไรปีนี้ไปแล้ว ปีนี้นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรไปแล้ว 8% และคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้โต 1.5% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 1.4% โดยโอกาสเกิด Technical Recession น้อยลง และคาดว่าจะมี downside ของ Valuation กำไร

ดังนั้น ในครึ่งปีหลัง สิ่งที่เราจับตาคือ กำไรของบริษัทจดทะเบียนขึ้นกับ Sector ที่จะรับผลกระทบเรื่องภาษีมากน้อยแค่ไหน และอีกเรื่องสำคัญคือการเมืองในประเทศจะคลี่คลายไปทางไหน

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า GDP ไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาจโตไม่ถึง 1% และทำให้ทั้งปี 68 อาจจะเติบโตได้แค่ 1.5% คาดหวังมาตรการกระตุ้นภาครัฐ การเบิกจ่ายจะช่วยกระตุ้น GDP ได้ 0.3% ที่จะช่วยชดเชยภาคท่องเที่ยวที่จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลงกว่าปีก่อนมาที่คาดไว้ที่ 32.2 ล้านคน และเป็นครั้งแรกที่ลดลงในรอบ 5 ปี

นางสาวภารดี กล่าวว่า ปัจจัยลบในช่วงครึ่งปีหลัง คือ การเมืองในประเทศ และความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ถ้าลุกลามไปกว่านี้ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง ทั้งนี้ กรณี Worst case ดัชนี SET น่าจะถอยกลับไปจุดต่ำสุดเดิมคือ 1,050 จุด upside มีไม่มาก มองดัชนี SET อยู่ที่ 1,300 จุด หลังจากเห็นผลกระทบจากภาษีทรัมป์ว่าจะไปทางไหน และ กำไร บจ.เริ่มหยุดไหล ทำให้หุ้นไม่ลงต่อ

*ปักธงเบอร์หนึ่ง ESG Investment

นายวิน กล่าวว่า ในปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทย สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดกองทุน ESG Fund และ SRI Fund เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ด้วยมูลค่า AUM กว่า 3.20 หมื่นล้านบาท และ 3.09 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 28.8% และ 37.3% ตามลำดับ นำโดยกองทุน K-TNZ-ThaiESG ซึ่งเป็นกองทุนหุ้น ThaiESG ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม ด้วยมูลค่ากว่า 2.98 พันล้านบาท และยังคงเป็นกองทุนที่ส่งเสริมการไปสู่เป้าหมาย Net Zero กองแรกและกองเดียวในประเทศไทย

ขณะที่กองทุน K-ESGSI-ThaiESG เป็นกองทุนตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนภาครัฐที่ใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่ากว่า 6.27 พันล้านบาท นอกจากนี้กองทุน K-CHANGE ยังเป็นกองทุนหุ้น ESG ต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดเช่นเดียวกัน โดยมีมูลค่ากว่า 1.50 หมื่นล้านบาท (ที่มา : AIMC ณ วันที่ 30 มิ.ย. 68)

นายวิน กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก กอง K-ESGSI-ThaiESG ให้ผลตอบแทนสูงถึง 10% ในช่วงครึ่งปีหลังผลตอบแทนก็ยังไปต่อ แต่แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยอาจจะน้อยกว่าครึ่งปีแรก คาดว่าผลตอบแทนอาจจะไม่ถึง 10% อย่างไรก็ดี ถือว่ายังมีผลตอบแทนทีอยู่ในระดับที่ดี ทั้งนี้ กรีนบอนด์มีเพียง 5% ของตลาดรวมที่มีอยู่ 9.5 แสนล้านบาท คาดว่าอนาคตจะมีซัพพลายเพิ่มมากขึ้น

"พูดถึงเรื่อง ESG มีเสียงตอบรับที่ดีทั้งลูกค้า และสถาบัน มี 3 กอง ลูกค้าบุคคลที่ลงทุนกองทุนรวมทั้ง K-TNZ-ThaiESG, K-ESGSI-ThaiESG เราก็เป็นที่หนึ่ง พอทำจริงจังลูกค้าก็ตอบรับ เขาเชื่อใจเราว่าให้กสิกรไทยลุยเรื่องนี้ ลูกค้าสถาบันคาดหวังว่า บลจ.จะลงทุนเรื่อง ESG ซักถามละเอียดมาก"

นายวิน กล่าวว่า KASSET มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investing) อันดับ 1 ของไทย ภายใต้แนวคิด "Insight to Impact" เน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินงานอย่างมีเป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่ 1.Trusted Partner for Sustainable Investment Solutions ส่งมอบผลิตภัณฑ์และคำแนะนำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนที่เชื่อถือได้และตอบโจทย์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลง 2.Strengthening Active Ownership & ESG Integration ยกระดับการมีส่วนร่วมกับกิจการที่ลงทุนและผสาน ESG เข้ากับกระบวนการลงทุน 3.Leadership in Governance & Transparency ผู้นำด้านธรรมาภิบาลและการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสภายใต้มาตรฐานสากล และ 4.Net Zero Commitment ความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในระดับการดำเนินงานขององค์กรและพอร์ตลงทุน

ความสำเร็จด้านความยั่งยืนของ KASSET ในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในทุกมิติของ ESG ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยทางด้านสิ่งแวดล้อม สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ การลงทุน และการดำเนินงานภายในองค์กร ในส่วนการลงทุน บลจ.กสิกรไทย ตั้งเป้าหมาย Net Zero AUM (Asset under Management in Scope) Emission ภายในปี 2065

อีกทั้งยังส่งเสริมและสนับสนุนการไปถึงเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทย ผ่านการพัฒนาและออกกองทุน K-Target Net Zero ซึ่งเน้นให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีแนวทางชัดเจนในการลดก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงมีการประเมินความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศที่มีผลต่อพอร์ตลงทุนตามแนวทาง Task Force for Climate-Related Financial Disclosure -TCFD) ติดต่อกันมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต CFA, รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า การร่วมมือกับลอมบาร์ด ทำให้สามารถนำเสนอ Product ใหม่ๆ ตรงกับความต้องการ และตรงกับเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทย โดยจะเข้าลงทุนบริษัทที่มีส่วนช่วยลดหรือสนับสุนการลดก๊าซเรือนกระจก และ underweight บริษัทที่ทำด้านนี้ไม่ดีพอ ซึ่งการลงทุนหุ้นไทยจะใช้ Performance ที่อิง SET100 แต่มีคะแนน ESG ฉะนั้นเราจะลงทุนหุ้นที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ อย่างไรก็ดี หุ้นที่มีมีการปล่อยคาร์บอนสูง แต่เขามีความพยายามลดก๊าซเรือนกระจก มีวิธีการที่ดีหรือเปลี่ยนผ่าน ซึ่งหุ้นเหล่านี้จะช่วยลดอุณหภูมิโลกลงมาซึ่งการเปลี่ยนผ่านก็จำเป็นต้องใช้เงิน ซึ่งเราจะมีส่วนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านซึ่งก็เป็นหุ้นที่เราสนใจด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ