โบรกมองแบงก์ไทยยังขาดปัจจัยหนุนระยะสั้น คงน้ำหนักลงทุนเป็นกลาง ชู KTB หุ้นเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 4, 2025 15:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อในไตรมาส 3/68 เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 68 โดยผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าธุรกิจขนาดใหญ่น่าจะมีความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น qoq ในไตรมาส 3/68 เพื่อนำมาลงทุนและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ SME น่าจะมีความต้องการสินเชื่อลดลง

ขณะที่ความต้องการสินเชื่อของลูกค้ารายย่อยจะมาจากกลุ่มสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน ส่วนความต้องการสินเชื่อรถและสินเชื่อบัตรเครดิตน่าจะชะลอตัว ซึ่งแนวโน้มข้างต้นสอดคล้องกับแนวทางที่ธนาคารให้ไว้ในการประชุมนักวิเคราะห์ในไตรมาส 2/68

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า การสำรวจเจ้าหน้าที่สินเชื่ออาวุโสของธปท. แสดงให้เห็นว่าธนาคารน่าจะมีมาตรฐานการให้สินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับลูกค้า SME ในไตรมาส 3/68 แต่ยังคงมาตรฐานการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่ธปท. กล่าวในรายงานว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครึ่งปีแรก 68 ไม่ได้ส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น และสถาบันการเงินน่าจะยังระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ยกเว้นสินเชื่อรถยนต์

ส่วนผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถน่าจะผ่อนคลายมาตรฐานการให้สินเชื่อ เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมปรับลดลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อกลุ่มนี้มีความเสี่ยง-ผลตอบแทนดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของธปท. แสดงให้เห็นว่าดัชนีราคารถมือสองในเดือนมิ.ย.68 ลดลง 6.3% จากจุดสูงสุดในเดือนก.พ.68

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า หุ้น THAI หรือ บมจ.การบินไทย กลับมาซื้อขายในตลาดหุ้นในวันนี้(4 ส.ค.68) เชื่อว่าน่าจะส่งผลดีต่อ BBL และ KTB เนื่องจากการแปลงหนี้เป็นทุนในไตรมาส 4/67 ทำให้ BBL และ KTB ถือหุ้น 8.5% และ 4.7% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ THAI ตามลำดับ ขณะที่เชื่อว่าธนาคารเหล่านี้จะรับรู้กำไรโดยบันทึกเป็นรายการกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (OCI) ซึ่งคาดว่าจะทำให้มูลค่าทางบัญชีของ BBL และ KTB เพิ่มขึ้น 3.3% และ 2.3% ตามลำดับ

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารไทย เพราะมองว่ายังขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น ขณะที่เลือก KTB เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มนี้ เนื่องจาก KTB มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ 6.0-6.7% ต่อปีในปี 68-70 อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารจะมี downside risk หาก NPL เพิ่มสูงขึ้นและธปท. ปรับลด อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม ส่วน upside risk จะมาจากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น เพราะจะช่วยกระตุ้นการบริโภค รวมถึงภาษีสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดและการเปิดประมูลโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ