
กลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี [DUSIT] ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศลงนามข้อตกลงบริหารโรงแรมร่วมกับกลุ่มอัล กาดีร์ เพื่อบริหาร "ดุสิตดีทู อัลอาฮซา" (dusitD2 Al Ahsa) รีสอร์ทแห่งใหม่ใจกลางโอเอซิสอัลอาฮซา แหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ตั้งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรอาหรับ โดยมีกำหนดให้บริการในปี 2570 เผยเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์ดุสิต แห่งที่สองในประเทศซาอุดีอาระเบีย ต่อจาก ดุสิตปริ๊นเซส อัลมัจมาอะห์ ในกรุงริยาด
นายจิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ DUSIT เปิดเผยว่า การลงนามในข้อตกลงระหว่างกลุ่มดุสิตธานี และกลุ่มอัล กาดีร์ ในครั้งนี้จัดขึ้นอย่างทรงเกียรติภายใต้การอุปถัมภ์ของเจ้าชายซาอุด บิน ทาลาล บิน บัดร์ อัล ซาอูด ผู้ว่าการเขตอัลอาฮซา โดยมีบุคคลสำคัญจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมมากมาย อาทิ มร. นายิฟ อัล มาดี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย, ชีค บาสเซ็ม อัล กาดีร์ ประธานกรรมการ กลุ่มอัล กาดีร์ รวมถึงคณะผู้บริหารของกลุ่มดุสิตธานี
"ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงพันธกิจเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มดุสิตธานี ในการส่งมอบเอกลักษณ์แห่งการบริการแบบไทยที่เปี่ยมด้วยไมตรีจิตไปยังจุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพทั่วโลก พร้อมมุ่งมั่นสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เราเข้าไปดำเนินงาน เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มอัล กาดีร์ ในการพัฒนาจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ที่ผสานความงดงามทางธรรมชาติและมรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่าของอัลอาฮซา ควบคู่กับการนำเสนอความสะดวกสบาย ความหรูหราทันสมัย และประสบการณ์อันน่าประทับใจสำหรับผู้เข้าพักทุกกลุ่มวัย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ดุสิตธานี กล่าว
"ดุสิตดีทู อัลอาฮซา" (dusitD2 Al Ahsa) ตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของต้นปาล์มนับล้านต้น โดยมีฉากหลังเป็นขุนเขาอันเงียบสงบและสวยงาม ใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาทีจากสนามบินนานาชาติอัลอาฮซา และประมาณ 90 นาทีโดยรถยนต์จากเมืองดัมมาม รีสอร์ทแห่งนี้พร้อมให้บริการห้องพักแบบสวีทขนาดกว้างขวางจำนวน 120 ยูนิต ตั้งแต่แบบหนึ่งห้องนอนไปจนถึงสามห้องนอน ทุกยูนิตมาพร้อมระเบียงส่วนตัวและสระแช่ตัว เพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่เหนือระดับและเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์และบรรยากาศอันเงียบสงบ
การออกแบบโครงการนำโดยบริษัท เอล โฆนัยมี อาร์คิเทค จากกรุงไคโร ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความงามเหนือกาลเวลาของทะเลทราย ธรรมชาติของภูเขาโดยรอบ และต้นปาล์ม สัญลักษณ์แห่งชีวิตที่มีอยู่มากกว่า 2.5 ล้านต้นในโอเอซิสอัลอาฮซา สถาปัตยกรรมของรีสอร์ทจึงเน้นเส้นสายโค้งมน ใช้วัสดุจากธรรมชาติ และตกแต่งภายในด้วยการผสมผสานระหว่างอัตลักษณ์ท้องถิ่นกับความหรูหราร่วมสมัยได้อย่างกลมกลืน
ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียมอย่างครบครัน ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและการจัดกิจกรรมในทุกรูปแบบ อาทิ ศูนย์สุขภาพครบวงจร พร้อมห้องทรีตเมนต์ส่วนตัว, พื้นที่สำหรับทำสมาธิ โยคะ และการบำบัดแบบองค์รวม, ห้องบอลรูมขนาด 1,500 ตารางเมตร รองรับการจัดงานขนาดใหญ่, สนามหญ้ากลางแจ้ง สำหรับงานวิวาห์และงานสังคม, ห้องประชุมทันสมัย ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของนักธุรกิจ, ห้องอาหารบริการตลอดวัน และ คาเฟ่บรรยากาศผ่อนคลายในล็อบบี้, สระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ พร้อมสระเด็กแยกต่างหาก, คลับสำหรับเด็ก ที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นมิตร โดยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การเข้าพักที่เหนือระดับของรีสอร์ทแห่งนี้ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความหรูหรา และการดูแลเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด
นอกจากนี้ รีสอร์ทยังตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่น่าสนใจ อาทิ ภูเขาอัลการอฮ์ สวนสาธารณะจูวะษะห์ และตลาดเกษีย์ริยะห์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ ดุสิตดีทู อัลอาฮซา เป็นประตูต้อนรับนักเดินทางทั้งในและต่างประเทศที่มองหาประสบการณ์ที่มีคุณค่า และการเข้าพักที่เปี่ยมด้วยความหมาย ณ ใจกลางโอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ดุสิตดีทู อัลอาฮซา มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2570 นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของกลุ่มดุสิตธานีในการขยายธุรกิจในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมในเครือเปิดให้บริการแล้วจำนวน 9 แห่ง และยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ครบวงจรและเปี่ยมด้วยความหมายให้กับนักเดินทางทั่วโลก โดยโครงการนี้เป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์ดุสิตแห่งที่สองในประเทศซาอุดีอาระเบีย ต่อจาก ดุสิตปริ๊นเซส อัลมัจมาอะห์ ในกรุงริยาด ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้