
โบรกเกอร์เชียร์ "ซื้อ" หุ้น บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ [BH] พร้อมปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายใหม่ หลังกำไรสุทธิในไตรมาส 2/68 ดีกว่าตลาดคาดทั้งที่เป็น Low Season เนื่องจากสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติสูงขึ้น โดยเฉพาะจากตะวันออกลาง ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG/A ปรับลงไป ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ทำ All Time High
แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 3/68 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง QoQ หลังพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/68 และอยู่ในช่วง High Season ส่วน Valuation หุ้น BH ยังต่ำ ซึ่งเทรด 17-18 เท่า

ราคาหุ้น BH ปิดวันนี้ 178.50 บาท เพิ่มขึ้น 10.50 บาท (+6.25%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ทิสโก้ ซื้อ 244.00
โกลเบล็ก ซื้อ 226.00
คิงส์ฟอร์ด ซื้อ 211.00
กรุงศรี ซื้อ 200.00
บัวหลวง ซื้อ 180-200
นายปัญจพล แท่นศรีเจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า BH แจ้งงบไตรมาส 2/68 กำไรสุทธิ 1,858 ล้านบาท ลดลง 4% YoY แต่เพิ่มขึ้น 7% QoQ สวนทางปัจจัยฤดูกาลที่ปกติแล้วจะเป็น low season โดยกำไรสูงกว่าที่เราคาด 13% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ทำสถิติสูงสุดที่ 52.3% จากไตรมาส 1/68 ที่ 52.00% หรือเพิ่มขึ้น 2% QoQ เมื่อวิเคราะห์พบว่า ผู้ป่วยตะวันออกกลางกลับมาแล้ว และมีสัดส่วนสูงขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยตะวันออกลางจะมี intensity ที่สูงกว่าผู้ป่วยประเทศอื่น ทำให้มี GM สูงกว่าปกติ แม้ว่ารายได้ ลดลง 4%YoY และ 2%QoQ มาที่ 6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ในส่วนค่าใช้จ่าย SG&A สามารถปรับลดลงเหลือ 960 ล้านบาท ทั้งที่เป็นช่วง Low season ถือว่า Lean ได้ดี โดยทรงตัว YoY แต่ลดลง 1.7%QoQ ถือเป็นไตรมาสที่มี SG&A expense ต่ำที่สุดในรอบ 11 ไตรมาส
แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/68 คาดว่ากำไรดีต่อเนื่อง โดยเติบโต QoQ หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/68 แล้ว และปรับประมาณการกำไรในปี 68-69 ขึ้นมาอีก 8% พร้อมปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" จาก "ขาย" โดยมองราคาเป้าหมายในช่วง 180-200 บาท
บล.โกลเบล็ก ระบุว่า งวดไตรมาส 2/68 BH รายงานกำไร 1,858 ลบ. -49%YoY +7%QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 8% ส่วนรายได้อยู่ที่ 6,005 ลบ. -4%YoY -2%QoQ ใกล้เคียงกับที่คาด โดยการเติบโตหลักมาจากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ ที่เติบโตดีต่อเนื่อง 6% หลังผ่านพ้นช่วงเดือนรอมฎอนในช่วง 1-31 มี.ค.68 ส่วนผู้ป่วยชาวไทยทรงตัว
อย่างไรก็ตาม กำไรดีกว่าที่คาดมาจาก %EBITDA ที่เร่งขึ้นสู่ 41.6% ดีกว่าที่เราคาดที่ระดับ 37.5% จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่เติบโตดี ส่วนใหญ่มาพร้อมกับโรคยากและซับซ้อน (Intensity) และ มีค่ารักษาต่อบิลสูง ทั้งนี้ ช่วง H1/68 มีกำไร 3,591 ลบ. -8%YoY
เรามีมุมมองบวกต่อกำไรไตรมาส 2/68 ออกมาดีกว่าที่เราและตลาดคาด ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/68 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากการเข้าสู่ช่วง High Season อย่างไรก็ตาม เราจะอัพเดทข้อมูลแนวโน้มปี 68 อีกครั้ง หลังจากการจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 4 ส.ค.68 โดยเราคาดกำไรทั้งปี 68 ราว 7,691 ลบ. -1%YoY (1H68 คิดเป็น 47% ของประมาณการดังกล่าว) ส่วนราคาเหมาะสม 226.00 บาท ปัจจุบันซื้อขายที่ PE เพียง 17x อยู่ที่ระดับ -1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
บล.กรุงศรี แนะนำ"ซื้อ" BH เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ดีกว่าเราคาด +11% จากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่ำกว่าคาดรวมทั้งประกาศจ่ายเงินปันผลงวด H1/68 หุ้นละ 2.00 บาท (yield 1.2%) ทิศทาง H2/68 กำไรสุทธิจะเติบโต h-h จากปัจจัยฤดูกาลและคาดว่ามี Intensity ค่ารักษาเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของรายได้ต่างชาติ ส่วน Valuation หุ้น BH ซื้อขายPE ปี 68 ที่18 เท่า เทียบเท่า Forward PE ต่ำกว่า-2.0SD มองเป็นหุ้นธีม Value play
BH เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 1,858 ลบ.(-4%y-y +7%q-q) เรามองเป็น "กลาง" ต่อผลการดำเนินงานที่ออกมาดีกว่าเราคาด +11% และ Consensus คาด +9% ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิดีกว่าเราคาด เนื่องจากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเราคาด ทำให้มี Gross margin 52.3% และ EBITDA margin 40.6% ดีขึ้น y-y และ q-qส่วนรายได้รักษาพยาบาล (-4%y-y -2%q-q)ลดลงสอดคล้องกับเราคาด
งวด H1/68 มีกำไรสุทธิ 3,591 ลบ.(-8%y-y)ลดลง เนื่องจากรายได้รักษาพยาบาล (-5.3%y-y)ลดลงจากรายได้กลุ่มต่างชาติ และ Gross margin 51.3% (vs 51.9%ใน H1/67) กำไรสุทธิ H1/68 คิดเป็น 51% ของทั้งปี
เราคงกำไรสุทธิปีนี้คาด 7,043 ลบ. (-9%y-y) แนวโน้มไตรมาส 3/68 คาดกำไรสุทธิยังลดลง y-y (ไตรมาส 3/67 กำไรสุทธิ 1,955 ลบ.) แต่จะเติบโต q-q เนื่องจากคาดว่ารายได้รักษาพยาบาลลดลงเล็กน้อย y-y จาก Intensity ค่ารักษาโรคในกลุ่มต่างชาติ แต่กลับมาเติบโต q-q จากปัจจัยฤดูกาลและการปรับฐานรายได้คูเวตมีผลกระทบน้อยลง(vs Q3/67 รายได้คูเวตมีสัดส่วน 1%) รวมทั้งคาดว่าลูกค้าพม่ากลับมาใช้บริการปกติรวมทั้งคาดจะยังคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
แนะนำ "ซื้อ" BH ราคาเป้าหมาย 200 บาท ประเมินวิธี DCF WACC7.1% โดยมองว่า BH น่าสนใจจาก 1) ศักยภาพในการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนด้วยนวัตกรรมขั้นสูง ทำให้มีตลาดเฉพาะเจาะจงและมีความอ่อนไหวต่อราคาน้อย 2) มีจุดเด่นบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายเห็นได้จาก EBIT margin และ EBITDA margin สูงกว่า Pre COVIDรวมทั้ง BH ยังมีอัตราทำกำไรสูงกว่ากลุ่มฯ นอกจากนี้ ราคาหุ้น BH ซื้อขาย PE ปี 68 ที่ 18 เท่า หรือเทียบเท่า Forward PE ต่ำกว่า -2.0SD
https://youtu.be/g0OtVhQZ7zU