TRUE หั่นเป้ารายได้ปี 68 เหลือโต 0-1% จากเดิม 2-3% EBITDA เหลือโต 7-8% จาก 8-10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 5, 2025 18:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

TRUE หั่นเป้ารายได้ปี 68 เหลือโต 0-1% จากเดิม 2-3% EBITDA เหลือโต 7-8% จาก 8-10%

บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น [TRUE] เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่เป็นอุปสรรคต่อประเทศไทย การปรับลดแนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และผลกระทบจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราวต่อรายได้จากการให้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ คณะผู้บริหารบริษัทจึงได้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานปี 68 คาดว่ารายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC) จะทรงตัวถึงเติบโต 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากเดิมคาดการณ์เติบโต 2-3% และแนวโน้ม EBITDA เติบโต 7-8% จากเดิมคาดเติบโต 8-10%

ขณะที่เงินลงทุน (CAPEX) จะคงไว้ระหว่าง 2.8-3.0 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 68 และจะยังคงมีกำไรตลอดทั้งปี 68 ตามรายงานงบการเงิน (ไม่เปลี่ยนแปลง)

ในไตรมาส 2/68 บริษัทฯรายงานกำไรสุทธิ 2,031 ล้านบาท จากขาดทุน 1,879 ล้านบาทในไตรมาส 2/67 นับเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันที่มีผลกำไรสุทธิหลังควบรวมกิจการ สะท้อนการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบจากรายการพิเศษได้แก่ การด้อยค่าสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงเครือข่าย 1,841 ล้านบาท และการด้อยค่าสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่ 850 MHz อีก 685 ล้านบาท หากไม่รวมผลกระทบจากรายการพิเศษและผลกำไรทางภาษี 368 ล้านบาทในไตรมาสนี้ กำไรสุทธิหลังปรับปรุงของไตรมาส 2/68 จะอยู่ที่ 4,189 ล้านบาท

ในไตรมาส 2/68 EBITDA อยู่ที่ 24,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 640 ล้านบาท หรือ 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ลดลง 294 ล้านบาท หรือ 1.2% เทียบกับไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากเหตุการณ์ระบบโครงข่ายขัดข้องชั่วคราว และรายได้จากการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศกับ NT ลดลง

"ผลการดำเนินงานทางการเงินในไตรมาส 2 ยังคงทรงตัว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายและเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว โดยทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ตามความมุ่งมั่นของเราต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย" นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม TRUE กล่าว

นอกจากนี้ การที่ TRUE ชนะประมูลคลื่นความถี่เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีคลื่นความถี่ครบและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราจะใช้เพิ่มความสามารถเครือข่าย รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแห่งอนาคต รวมถึงการเร่งผลักดันบริการทางดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร เราจึงมุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตแบบพลิกโฉมผ่านการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และการเสริมสร้างความเป็นผู้นำในตลาดอย่างยั่งยืนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

TRUE มุ่งเน้นการสร้างฐานลูกค้าที่มีคุณภาพจากความพยายามลดจำนวนผู้ใช้งานใหม่จากการหมุนเวียนของฐานลูกค้าเดิมลง (rotational gross adds) รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างค่าใช้จ่ายด้านคอมมิชชั่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้บริการยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง ส่งผลให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาส 2/67 มีจำนวนทั้งสิ้น 47.5 ล้านเลขหมาย ลดลง 2.9 ล้านเลขหมาย หรือลดลง 5.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 3.8 ล้านราย และ ณ สิ้นไตรมาส 2/68 จำนวนผู้ใช้บริการ 5G มีจำนวน 14.7 ล้านเลขหมาย

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) TRUE กล่าวว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/68 มีกำไรสุทธิหลังหักภาษี เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้หลักชะลอตัวลงในระหว่างไตรมาสที่สอง ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อรายได้จากบริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่

ไตรมาส 2/68 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A ลดลง 8.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน ต้นทุนโครงข่ายลดลง 7.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากค่าไฟฟ้าที่ลดลงและการประหยัดต้นทุนจากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง 12.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ จากการปรับโครงสร้างองค์กรให้ทันสมัยและการริเริ่มกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ ด้วยการบูรณาการกรอบการดำเนินงานที่มุ่งเน้นความสามารถการทำกำไรอย่างยั่งยืนและวินัยทางการเงินแข็งแกร่ง TRUE ยังคงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง"

TRUE บันทึกการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA จำนวน 5.5 พันล้านบาท นับตั้งแต่การควบรวมกิจการ สะท้อนถึงความสามารถทางการเงินที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องของ EBITDA สำหรับ EBITDA ในไตรมาส 2/68 ปรับตัวดีขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยได้รับผลกระทบเชิงลบจากการลดลงของรายได้ อันเป็นผลจากเหตุการณ์โครงข่ายขัดข้องชั่วคราว และรายได้จากการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศที่ลดลง

สำหรับ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน EBITDA ยังคงได้รับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการรักษาวินัยทางการเงิน อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้น 2.2 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 60.8% สำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไร อยู่ที่ 4.0 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2/68 ลดลง 0.7 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลง 0.1 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

กำไรสุทธิหลังหักภาษี 2.0 พันล้านบาท โดยบันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-time costs) จำนวน 2.5 พันล้านบาทที่เกี่ยวกับการด้อยค่าสินทรัพย์จากการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย และการยุติบริการคลื่น 850 MHz เมื่อปรับปรุงผลกระทบจากรายการครั้งเดียวและผลประโยชน์ทางภาษีในไตรมาส 2/68 จำนวน 368 ล้านบาท กำไรสุทธิหลังหักภาษีมีจำนวน 4.2 พันล้านบาท ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) อยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นต้นทุนการบูรณาการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ