(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์รับแรงกดดันหุ้นสหรัฐลง-กังวล"ทรัมป์"ไล่เก็บภาษีสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 6, 2025 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯ เผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ แรงกดดันมาจากตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลงหลังดัชนีภาคบริการต่ำคาด และ "ทรัมป์" จ่อเรียกเก็บภาษีเซมิคอนดักเตอร์เร็วสุดสัปดาห์หน้า และรวมถึงเรียกภาษีนำเข้ายาสูงถึง 250% แนะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือนก.ค.โอกาสออกมาต่ำคาดให้ความหวัง กนง.ลดดอกเบี้ย และการรายงานงบวันนี้ ADVANC IRPC BPCG และอื่น ๆ ให้กรอบแนวรับ 1,230 จุด และแนวต้าน 1,255 จุด

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ ภาพรวมยังมีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า แต่อาจมีแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงหลังดัชนี ISM ภาคบริการ ออกมาต่ำกว่าคาด และรวมถึงข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุเตรียมเรียกเก็บภาษีศุลกากรเซมิคอนดักเตอร์เร็ว ๆ นี้ โดยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า และรวมถึงจะพิจารณาภาษีนำเข้ายาสูงถึง 250%

แนะนำให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือนก.ค.ซึ่งบลูมเบิร์กเก็งว่าจะออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทำให้มีความหวังไว้ว่าจะได้เห็นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดดอกเบี้ย และในวันนี้ก็มีการรายผลประกอบการไตรมาส 2/68 หลายบริษัท แนะนำติดตาม ADVANC IRPC BPCG

โดยให้กรอบแนวรับ 1,230 จุด และแนวต้าน 1,255 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (5 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,111.74 จุด ลดลง 61.90 จุด หรือ -0.14%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,299.19 จุด ลดลง 30.75 จุด หรือ -0.49% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,916.55 จุด ลดลง 137.03 จุด หรือ -0.65%

- ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดบวกวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 40,430.46 จุด ลดลง 119.08 จุด หรือ -0.29%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,864.15 จุด ลดลง 38.38 จุด หรือ -0.15% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,615.81 จุด ลดลง 1.79 จุด หรือ -0.05%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ส.ค.) 1,246.96 จุด เพิ่มขึ้น 17.56 จุด (+1.43%) มูลค่าซื้อขาย 53,040.81 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (5 ส.ค.) 2,054.05 ล้านบาท

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (5 ส.ค.) ลดลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 65.16 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ส.ค.) อยู่ที่ 4.05 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 32.34 แกว่งกรอบแคบ รอปัจจัยใหม่ จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทยวันนี้

- "คลัง" ถกหน่วยงานเกี่ยวข้องเสนอแผนใช้เงินเยียวยาผลกระทบภาษีสหรัฐ จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือ 2.5 หมื่นล้าน เร่งสรุป ส.ค.นี้ อนุมัติให้ทัน ก.ย.ด้าน ครม.เคาะงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.85 หมื่นล้านบาทรับมือภาษีสหรัฐ "จุลพันธุ์" ชี้เตรียมดูแลกลุ่มสินค้าเกษตรและภาคส่วนที่เปราะบาง "ภูมิธรรม" ชี้รัฐบาลเร่งทำซอฟต์โลน-พักชำระหนี้ ลดต้นทุนการผลิตเกษตรกร

- ภาคท่องเที่ยวเลือดไหลไม่หยุดจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา 7 จังหวัดชายแดนผลกระทบหนักแม้อยู่นอกพื้นที่รุนแรง ยอดจองโรงแรมหาย 70-80% ตราด-จันทบุรีกระทบไปถึงเกาะต่างๆ หอการค้าจังหวัดจี้รัฐเร่งออกมาตรการเยียวยา โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน เสนอเว้นค่าปรับภาษีเพราะอาจยื่นไม่ทัน ขอวงเงินกู้ฉุกเฉิน 1-10 ล้าน

- "ดร.กอบศักดิ์" ชี้ภาษีไทย 19% ยังไม่ใช่จุดจบ เตือนระวัง "สึนามิ" อีกหลายระลอกจากนี้หลังความไม่แน่นอน "นโยบายทรัมป์" ชี้ปัจจัยการเมืองไม่ชัดเจน ทุบซ้ำเศรษฐกิจไทย "ดร.นิพนธ์" แนะยกเครื่อง ประเทศ อย่าพึ่งพาจีน-สหรัฐเกินไป "ทูตพิศาล" แนะลดทุ่มเยียวยาระยะสั้น

- สมาคมโบรกใช้มาตรการตั้งเพดานปล่อยกู้ให้ลูกค้าถึงเกณฑ์ต้องรายงานทุกสิ้นวันผ่านแพลตฟอร์ม SDEP ตั้งแต่ 1 ก.พ.69 จะมีทั้งข้อมูลวงเงิน คุณภาพหลักประกัน มูลหนี้ และประวัติการชำระราคาลูกค้ารายบุคคล หวังแก้ปัญหา ความเสี่ยงในอุตฯ ยกเคสคดีหุ้นมอร์ปล่อยกู้จนเกิด ความเสียหาย 10 บล. 4.2 พันล้าน

- เปิดผลกระทบภาษีทรัมป์ 19% แม้ไทยไม่เสียเปรียบคู่แข่งแต่คาดฉุดส่งออกไทย 5 เดือนสุดท้ายของปี 68 หาย 1.1 แสนล้านบาท จีดีพีหดตัว 0.62% ส่วนทั้งปี 69 มูลค่าส่งออกหาย 2.75 แสนล้านบาท ฉุดจีดีพีดิ่ง 1.48%

*หุ้นเด่นวันนี้

- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 56 บาท ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 1.65 ลบ. +5% q-q, +14% y-y แข็งแรงตามที่เราและตลาดคาด หนุนจากสินเชื่อยังเติบโตแข็งแกร่ง +4% q-q, +13% y-y ขณะที่ Credit Cost ใกล้เคียงคาดที่ 2.48% ด้านคุณภาพสินทรัพย์ดีกว่าคาดเล็กน้อย โดย NPL Ratio ชะลอตัว q-q ลงมาอยู่ที่ 2.62% เชื่อว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวก คงประมาณการกำไรปี 68 ที่ 7..08 พันลบ. +21% y-y

- ADVANC (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 321.79 บาท มองเชิงบวกคาดการณ์งบไตรมาส 2/68 จะออกมาเติบโตแข็งแกร่งราว 20% YoY ส่วนหลักมาจาก cost saving และการเติบโตของรายได้ทั้งธุรกิจมือถือและ Fixed broadband ดีกว่าคาดส่งผลให้มีโอกาสทำได้ดีกว่าเป้าหมายต้นปี ประเมินกระแสเงินสดอิสระแข็งแกร่งราว 7-8 หมื่นล้านบาทต่อปี และการแข่งขันผ่อนคลายหลังประมูลคลื่นรอบล่าสุดส่งผลให้ทนทานต่อเศรษฐกิจชะลอตัวใน H2/68 และหากจ่ายปันผลมากกว่าคาดจะเป็น potential upside ในอนาคต

- BCH (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 19.40 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 346 ลบ.(+25%YoY, +8%QoQ) ฟื้นตัวได้ดี YoY QoQ จากไตรมาส 2/67 มีรายการลบจาก Fx Loss, Covid-19, โรค adj.RW>2 รวมแล้วเป็นลบ ราว -100 ลบ.ขณะที่รอมฎอนปีนี้สิ้นสุดในไตรมาส 1/68 แล้ว และสภาพอากาศฝนตกเร็ว/ร้อนน้อยกว่าปีก่อน ส่วนไตรมาส 3/68 ได้แรงบวกตามฤดูกาล ภาพรวมครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุนจาก 1.ความเสี่ยงการรับเงินประกันสังคมในปี 68 คาด SSO จ่ายโรค adj.RW>2 ที่ 1.2 หมื่นบาท/adj.RW ได้ และ 2.คาดผู้ป่วยต่างชาติฟื้น ขณะที่ BCH เซ็นสัญญากับมัลดีฟส์รับผู้ป่วยเข้า ร.พ.WMC


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ