นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ [III] เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 642.6 ล้านบาท เติบโต 19.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แรงหนุนจากธุรกิจหลักที่เติบโตทุกกลุ่ม โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการผนึกกำลังภายในกลุ่ม และการเร่งส่งออกสินค้าก่อนเริ่มใช้ภาษีการค้าอัตราใหม่ แต่กำไรสุทธิ 73.5 ล้านบาท ชะลอตัว 27.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจากบริษัทที่เข้าลงทุน ANI และ AOTGA จากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวและจำนวนเที่ยวบินที่ลดลง
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 68 มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,174 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 182.1 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 568 คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยหนุนจากกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ การขนส่งสินค้าทางอากาศที่บริษัทฯ ได้ออกแบบบริการไว้อย่างครบทุกความต้องการ ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากการคลายความกังวล หลังจากการประกาศอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยไปยังสหรัฐอเมริกาที่ 19% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง
รวมถึงการเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและการท่องเที่ยว โดยบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมอย่างครบวงจร ทั้งบริการ Multimodal Warehouse ที่สนามบินสุวรรณภูมิ การร่วมมือกับ AOTGA เปิดบริการ Airport Truck Link เชื่อม 3 สนามบินหลัก (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-ภูเก็ต) ซึ่งในขณะนี้ได้ขยายการให้บริการไปยังมาเลเซียแล้ว และมีแผนขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน
นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ ANI เพื่อพัฒนา Cargo Airline หรือสายการบินขนส่งสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการในเส้นทางที่มีดีมานด์และอัตรากำไรที่ดี คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ รวมถึงการขยายเส้นทาง Transit Hub ไปยังตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออก เพื่อส่งเสริมประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ในขณะที่กลุ่มโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย และกลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ มีแนวโน้มเติบโตเช่นกัน
นายทิพย์ กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ เร่งดำเนินการตามแผน Synergy 360 องศา เพื่อผสานศักยภาพและ Eco-system ภายในกลุ่มบริษัทและพันธมิตรเพื่อร่วมกันยกระดับประสิทธิภาพทางธุรกิจ ด้วยแนวคิดเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และบริหารจัดการต้นทุน เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ ได้ขยายความร่วมมือกับ SJWD ในการบริหารจัดการต้นทุนของการให้บริการคลังสินค้าสำหรับสินค้าทั่วไป และพิธีการศุลกากร ซึ่งช่วยพัฒนาศักยภาพการให้บริการและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในส่วนบริษัท บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ที่ III ลงทุนผ่าน บริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) (SAL) คาดว่าจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากไฮซีซั่นของธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและการท่องเที่ยวในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ AOTGA ยังมีโอกาสได้รับเลือกเป็นผู้ให้บริการภาคพื้นดินรายที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะประกาศผลภายในเดือนสิงหาคมนี้
ส่วน ANI ก็มีสัญญาณเติบโต โดยได้ขยายการลงทุนเปิดสาขาที่นอร์เวย์และญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้และผลักดันผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังอีกด้วย