THCOM พุ่ง 12.14% มาที่ 9.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 136.13 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.56 น. จากราคาเปิด 8.75 บาท ราคาสูงสุด 9.85 บาท ราคาต่ำสุด 8.70 บาท
บล.กรุงศรี ระบุว่า บมจ.ไทยคม [THCOM] ไตรมาส 2/68 รายงานผลขาดทุนสุทธิและแย่กว่าที่เราคาดไว้จากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงขึ้น เมื่อพิจารณาจากการดำเนินงานหลัก THCOM พลิกกลับมามีกำไร 3 ล้านบาทจากรายได้สูงขึ้นจากลูกค้าใหม่พร้อมกับการควบคุมต้นทุนที่ดี เราคาดว่าโมเมนตัมเชิงบวกจะดำเนินต่อไปใน H2/68 จากการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่และโครงการสำคัญที่มีศักยภาพ เช่น USO 3 คงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมคงราคาเป้าหมาย 12.50 บาท
เราเห็นสัญญาณเชิงบวกบางอย่างว่า THCOM จะพลิกกลับมามีกำไรหลักได้ แม้ว่าจะน้อยก็ตาม หากสามารถรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ได้จนถึงไตรมาส 4/68 จะมีความเสี่ยงด้าน upside ต่อการคาดการณ์ของเรา การชนะโครงการ USO 3 ในเดือน ก.ย.ปีนี้จะเพิ่มความเสี่ยงด้าน upside ให้กับการประมาณการของเรามากขึ้น
บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุ THCOM รายงานไตรมาส 2/68 ขาดทุน 207.19 ล้านบาท (-273.63%QoQ,-429.75%YoY) เนื่องจากปัจจัยจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยสถานการณ์การแข็งค่าของค่าเงินบาท ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก รวมถึงบริษัทที่มีสัดส่วนรายได้หลักมาจากต่างประเทศ ขณะที่ไตรมาสนี้มีรายได้ที่ 534.71 ล้านบาท (+7.00%QoQ,-16.22%YoY)
คาดรายได้ในไตรมาส 3/68 ปรับตัวดีขึ้นจากการรับรู้รายได้จากโครงการที่เริ่มเซ็นแล้ว โดย THCOM จับมือ SCG CPAC และ ม.เกษตรศาสตร์ลงนามความร่วมมือการประเมินการกักเก็บคาร์บอนในป่าชุมชนจังหวัดลำปาง ด้วยแพลตฟอร์ม CarbonWatch พร้อมขยายสู่ผืนป่าในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ และยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้างจำกัด "SCGCPAC" และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อนำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีอวกาศ CarbonWatch มาใช้ในการประเมินการกักเก็บคาร์บอนในป่าชุมชนจังหวัดลำปาง โดยมีเป้าหมายที่จะขยายไปทั่วประเทศ เป็นการต่อยอดความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจดาวเทียมมาสู่ธุรกิจเทคโนโลยีอวกาศ
ทั้งนี้ THCOM ยังมีการทยอยรับรู้รายได้จาก USO ระยะที่ 2 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ยังไม่กลับเข้าสู่ระดับปกติอย่างเต็มจำนวน หลังจากเกิดช่วงรอยต่อของสัญญาในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งรายได้จะทยอยเข้ามาในไตรมาส 2/68
และในปีนี้จะมีโครงการ USO ระยะที่ 3 ที่มีกรอบงบประมาณมากถึง 5.8 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการให้บริการด้านดาวเทียมรวมอยู่ในโครงการนี้เช่นเดียวกัน โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมและดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่จะเพิ่มขึ้น ส่วน เม.ย.68 บริษัทชนะประมูลโครงการควบคุมดาวเทียมสำหรับดาวเทียมไทยคม 4 และไทยคม 6 จาก NT มูลค่ากว่า 118 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2/68 การให้บริการดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 มาจากการติบโตจากลูกค้าต่างประเทศ
มองราคาของปี 68 ไว้ที่ 12.10 บาทต่อหุ้น อิง DCF WACC 6.00% และ Terminal growth ที่ 1% ปรับลดลงจาก 13.50 บาท จากรายได้ที่มาช้ากว่ากำหนด แนะนำ "ซื้อ" คาดว่าในปี 68 จะมีรายได้ 2,630 ลบ (+9%YoY) เป็นกำไรสุทธิ 161.23 ลบ หลังจากได้ใบอนุญาตดำเนินกิจการในอินเดียคาดว่าจะทำให้เริ่มมีการรับรู้รายได้ในกลุ่มลูกค้าที่มีการเซ็นสัญญาไว้ล่วงหน้า โดยจะเป็นการใช้บริการดาวเทียม THCOM 8 ที่ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ต
นอกจากนี้ ในอินเดียยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพูดคุยกันอีก 1 โครงการหากสำเร็จในช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็จะเป็นการได้ลูกค้ามาชดเชยในส่วนของลูกค้า THCOM 4 ที่ไม่ต่ออายุมาที่ THCOM 9 ที่จะยิงขึ้นในปีหน้า(ดาวเทียม THCOM9 จะนำมาใช้แทน THCOM 4 แต่มีการโคจรละวงโคจรกับของเดิม) โดยจะเป็นการให้ลูกค้าใช้ THCOM 4 และต่อเนื่องไปที่ THCOM 9 ก่อนโอนย้ายไปที่ THCOM 10 ที่เป็นดาวเทียมดวงใหม่มี Capacity เพิ่มสูงขึ้นในปี 70 ทำให้รายได้ในระยะยาวจะเติบโตขึ้นได้
ส่วนการดำเนินงานระยะกลาง-ยาวคาดยังจะมีปัจจัยบวกจาก 1.การส่งดาวเทียมใหม่ๆ ขึ้นวงโคจร โดยคาด 9A ขึ้นใน H1/68, ไทยคม 9 ใน H2/68, ไทยคม 10 ในไตรมาส 3/70 และ 2.ธุรกิจ Carbon credit (จับมือกับ แม่ฟ้าหลวง)