BCP แจงพลิกขาดทุนจากเผชิญมรสุมเศรษฐกิจ ยันธุรกิจหลักแกร่ง กำลังผลิตโรงกลั่นพุ่ง-ตรึงมาร์เก็ตแชร์ได้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 7, 2025 15:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กลุ่ม บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น [BCP] รายงานผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 68 มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 260,474 ล้านบาท ลดลง 11% YoY และ EBITDA อยู่ที่ 16,331 ล้านบาท ลดลง 37% YoY โดยมีผลขาดทุนส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 445 ล้านบาท ลดลง -3% YoY ซึ่งแม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนท่ามกลางราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่องและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่ก็ยังคงสามารถรักษาระดับการดำเนินงานได้ในกลุ่มธุรกิจหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันที่มีกำลังการผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกลุ่มธุรกิจการตลาดที่ยังรักษาส่วนแบ่งตลาดได้ต่อเนื่อง

ขณะที่ไตรมาส 2/68 กลุ่มบริษัทบางจาก มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 125,827 ล้านบาท (-7% QoQ, -20% YoY) และ EBITDA 3,664 ล้านบาท (-71% QoQ, -66% YoY) และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (ที่ไม่รวมรายการพิเศษ) 1,247 ล้านบาท (-29% QoQ, +>100% YoY) ขาดทุนส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,560 ล้านบาท พลิกขาดทุนจากไตรมาส 1/68 ที่มีกำไร 2,115 ล้านบาท และไตรมาส 2/67กำไร 1,824 ล้านบาท

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม BCP และกรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP กล่าวว่า แม้ในช่วงครึ่งปีแรก บางจากฯ ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมรายการพิเศษ) จากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันและกลุ่มธุรกิจการตลาด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้หลักของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

และการบูรณาการกับ บมจ.บางจาก ศรีราชา [BSRC] ที่ดำเนินไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งบริษัท BCPT FZCO ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจการค้าน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ขณะเดียวกัน การที่บางจากฯ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี SET50 อย่างต่อเนื่อง และได้รับการจัดอันดับที่ 17 จาก 500 บริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยนิตยสาร Fortune ในปี 2568 สูงขึ้นจากอันดับ 24 ในปีก่อน ยังสะท้อนศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะยาว"

ผลการดำเนินงานที่สำคัญในครึ่งปีแรกของปี 68 ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้

กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA อยู่ที่ 1,399 ล้านบาท ลดลงจาก 6,570 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าการกลั่นพื้นฐาน (Operating GRM) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 4.20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากส่วนต่างราคาน้ำมัน (Crack Spread) ที่อ่อนตัวลงในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบกับการรับรู้ผลขาดทุนจาก Inventory Loss และการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) รวม 3,750 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ต่ำกว่าน้ำมันดิบดูไบในช่วงเวลาดังกล่าว และต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลงในภาพรวม ช่วยลดแรงกดดันจากค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลงได้บางส่วน โดยมีกำลังการผลิตเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรกรวมอยู่ที่ 254,900 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนงสามารถเดินเครื่องเต็มกำลังโดยไม่มีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนงานเช่นเดียวกับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567

กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 3,022 ล้านบาท ลดลงจาก 3,977 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 67 ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไว้ได้ที่ระดับประมาณ 29% สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายและคุณภาพการให้บริการ

กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด มี EBITDA อยู่ที่ 1,881 ล้านบาท ลดลงจาก 2,424 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย และการจำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 9 โครงการในเดือน มิ.ย.67

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA อยู่ที่ 380 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจาก 493 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงานผลิตเอทานอลในไตรมาส 1/68 ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกากน้ำตาลซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเอทานอล ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ยังคงทรงตัวใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ผลประกอบการในภาพรวมของธุรกิจปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 67

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA อยู่ที่ 10,128 ล้านบาท ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 13,074 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบจากราคาขายน้ำมันเฉลี่ยที่ปรับลดลงตามแนวโน้มราคาตลาดโลก และปริมาณการจำหน่ายที่ลดลงจากการรับรู้ผลกระทบเต็มครึ่งปีจากการจำหน่ายแหล่งผลิต Yme เมื่อปลายปี 2567 อย่างไรก็ดี OKEA ได้ปรับเพิ่มประมาณการการผลิตเป็น 30,000-32,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในปี 68 และ 31,000-35,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 69 จากแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้เพิ่มขึ้น

โดยในไตรมาส 2/68 กลุ่ม BCP มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 125,827 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 3,664 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 1,247 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมผลกระทบจาก Inventory Loss และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ กลุ่มบริษัทบางจากมีผลขาดทุนสุทธิ 2,560 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 1.86 บาทโดยผลประกอบการได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเป็นหลัก

ณ วันที่ 30 มิ.ย.68 กลุ่มบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวม 30,215 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 310,702 ล้านบาท หนี้สินรวม 228,247 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 82,455 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.19 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ