STA รับ Q2/68 ขาดทุนอ่วม 787 ลบ.ราคายางดิ่งเร็ว คาด H2/68 ดีมานด์โลกฟื้นกลับหลังภาษี"ทรัมป์"ชัดเจน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 11, 2025 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

STA รับ Q2/68 ขาดทุนอ่วม 787 ลบ.ราคายางดิ่งเร็ว คาด H2/68 ดีมานด์โลกฟื้นกลับหลังภาษี

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี [STA] เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติครึ่งปีหลังคาดว่ามีความต้องการใช้ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น หลังจากมีความชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา (US Reciprocal Tariff) ที่ทยอยได้ข้อสรุปกับหลายประเทศแล้ว ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ วางแผนธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังผลของบริษัทฯ ขณะที่ข้อสรุปอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ ที่ 19% นั้น เป็นระดับเดียวกันกับประเทศผู้ผลิตถุงมือยางรายอื่นในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทำให้บริษัทฯ ไม่สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และคงสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดโลก โดยบริษัทฯ วางแผนขยายตลาดยางธรรมชาติและถุงมือยางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจถุงมือยางของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังของปีนี้

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นผลักดันผลการดำเนินงานกลับมาทำกำไรในครึ่งปีหลัง จากการมุ่งเน้นประสิทธิภาพการบริหารต้นทุน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามคือสถานการณ์ราคายางธรรมชาติในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงตั้งแต่ไตรมาส 2/68 และยังคงมีแนวโน้มผันผวน

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 บริษัทมีผลขาดทุน 786.8 ล้านบาท ลดลง 214.2% จากไตรมาสก่อน (QoQ)ที่มีกำไรสุทธิ 688.7 ล้านบาท และลดลง 225.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีกำไรสุทธิ 628.4 ล้านบาท โดยอัตราขาดทุนสุทธิที่ 2.6% ลดลงจาก 2.0% ในไตรมาสก่อน และ 2.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ การลดลงของกำไรเป็นผลจากราคายางในตลาดโลกที่ปรับลดลงอย่างรวดเร็วถึงกว่าร 20% จากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ (US Reciprocal Tariff) ที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่แน่นอนในตลาดยางพารา ส่งผลให้ผู้ซื้อมีความระมัดระวัง ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่บริษัทฯ

ไม่สามารถควบคุมได้ ประกอบกับการตั้งค่าเผื่อการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) ซึ่งอยู่ที่ 334.2 ล้านบาท  อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนที่ดีและเสริมประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

ในไตรมาส 2/68 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 30,841.4 ล้านบาท และปริมาณการขายยางธรรมชาติรวม 397,461 ตัน เพิ่มขึ้น 0.1% จากไตรมาสก่อน และ 20.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากธุรกิจถุงมือยาง 5,970.1 ล้านบาท ลดลง 8.4% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 5.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นปริมาณการขายถุงมือยาง 9,091 ล้านชิ้น ลดลงเล็กน้อย 1.1% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากลูกค้าบางส่วนชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอความชัดเจนของภาษีศุลกากรสหรัฐฯ แต่เพิ่มขึ้น 7.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการฟื้นตัวของดีมานด์ทั่วโลก

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้จากการขายและบริการ 65,226.5 ล้านบาท และปริมาณการขายยางธรรมชาติรวม 794,416 ตัน เพิ่มขึ้น 31.8% และ 22.7% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงมีอีบิทด้า (EBITDA) 647.6 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการขายถุงมือยาง 12,490.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนปริมาณการขายอยู่ที่ 18,282 ล้านชิ้น ลดลงเล็กน้อย 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความกังวลภาษีศุลากรสหรัฐฯ แต่ชดเชยด้วยราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาขายยางธรรมชาติได้รับแรงกดดันจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยไตรมาส 2/2568 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลต่ออัตรากำไร ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิในงวก 6 เดือนแรกปี 2568 98.1 ล้านบาท ลดลง 132.8% จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 298.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ