
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น [AWC] เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 5,211 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 7.7 (YoY) และมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) อยู่ที่ 2,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 (YoY) ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 (YoY)
พร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอคุณภาพเพื่อเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวยั่งยืนของประเทศ อาทิ โรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา โรงแรม สวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา(เตรียมรีแบรนด์เป็นโรงแรม เจดับบลิว แมริออท แบงก์ค็อก รัชดาภิเษก และล่าสุดได้เปิดตัว "Jurassic World: The Experience" และ "Hatch Dome" แลนด์มาร์กระดับโลกแห่งใหม่ที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น สร้างปรากฏการณ์ความสนุกสุดยิ่งใหญ่ต้อนรับทุกคนในครอบครัว สนับสนุนกลยุทธ์การดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน เพื่อเพิ่มการเติบโตของรายได้และจำนวนผู้เช่าก้าวกระโดด รวมถึงการเติบโตของรายได้จากโรงแรมในกลุ่มรีสอร์ท ระดับลักชัวรีซึ่งยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะโรงแรมในเกาะสมุยและรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่เติบโตสูงขึ้น

รวมถึงการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและมั่นคงของกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียล ซึ่งสามารถเพิ่มอัตราการเช่าพื้นที่และรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากการเสริมกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้าง AWCs Lifestyle Destination ที่โดดเด่นสะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ Growth-Led Strategy ที่ให้ความสำคัญกับการขยายทรัพย์สินดำเนินงานคุณภาพทั้งจาก Organic Growth และ Inorganic Growth และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้โครงสร้างการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.92 เท่าซึ่งอยู่ในระดับดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
รวมถึงกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอที่ช่วยสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทได้อย่างมั่นคงท่ามกลางความท้าทายของสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตด้วยการเพิ่มพอร์ตโฟลิโอคุณภาพเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก ตามพันธกิจ "Building Better Future For All" เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้ทุกคน"
ในไตรมาส 2 ปี 2568 กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,612 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขับเคลื่อนด้วยการรับรู้รายได้ของทรัพย์สินใหม่ เช่น โรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย โรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา และโรงแรม สวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดารวมทั้งรายได้ที่เติบโตจากโรงแรมในกลุ่มรีสอร์ท ระดับลักชัวรี ซึ่งยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงได้ต่อเนื่องส่งผลให้รายได้ของโรงแรมกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 (YoY) จากอัตราการเข้าพักและรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) ที่เพิ่มขึ้นและมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตร้อยละ 7.1 (YoY)โดยเฉพาะในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอย่างเกาะสมุยที่มีผลประกอบการที่โดดเด่น
เช่นเดียวกับโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ที่ยังสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วยรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตร้อยละ 8.4 (YoY)โดยพอร์ตโฟลิโอโรงแรมของ AWC ยังคงแข็งแกร่งด้วยดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) เฉลี่ยอยู่ที่ 102 โดยเฉพาะโรงแรมในกลุ่มรีสอร์ท ระดับลักชัวรี และโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่มี RGI สูงถึง 118 และ 109 ตามลำดับ
นอกจากนี้ รายได้จากพอร์ตโฟลิโออาหารและเครื่องดื่มยังขยายตัวร้อยละ 8.7 (YoY) โดยเฉพาะจากโครงการ "เอ-ญ่า" รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์ นอกจากนี้ด้วยศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพผ่านกลยุทธ์การร่วมมือกับพันธมิตรทั้งระดับประเทศและระดับโลก และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โรงแรมของบริษัทสามารถสร้างอัตราส่วนกำไรขั้นต้นในระดับที่สูง เช่น บันยันทรี สมุย มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 46 และโรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 45 iวมทั้งบริษัทยังได้รับประโยชน์จากมาตรกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาล ซึ่งโรงแรมสำคัญๆของบริษัทหลายแห่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ โรงแรม หัวหิน
นอกจากนี้ AWC ยังนำ อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทลได้รับรางวัล LEED Gold ตามมาตรฐานเวอร์ชัน 4BD+C : Hospitality เป็นโรงแรมแห่งแรกของประเทศไทยพร้อมเดินหน้าสร้างความโดดเด่นให้กับการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา
ด้วยการเพิ่มพอร์ตโฟลิโอคุณภาพเพื่อสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องผ่านการเปิดโรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา ในไตรมาสที่ผ่านมาและสามารถรับรู้รายได้จากโรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทยและโรงแรม สวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา ในโครงการ จูบิลี่ เพรสทีจ
กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลสร้างกระแสเงินสดแข็งแกร่ง เสริมความหลากหลายให้พอร์ตโฟลิโอคุณภาพเปิดประสบการณ์ระดับโลก
กลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลยังคงสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและแข็งแกร่งต่อเนื่อง ในไตรมาส 2/2568 ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการเสริมกลยุทธ์ทางการตลาดตามแนวคิด AWCs Lifestyle Destination โดยศูนย์การค้ามีการเติบโตของรายได้ค่าเช่าร้อยละ 11.6 (YoY)ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูงขึ้นร้อยละ 8.4 (YoY)โดยเฉพาะศูนย์การค้าที่ได้รับการปรับตำแหน่งทางการตลาด อาทิ พันธุ์ทิพย์ แอท งามวงศ์วาน พันธุ์ทิพย์
ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานยังมีการเติบโตของรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 (YoY) จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของอาคารสำนักงานใหม่"จูบิลี่ เพรสทีจ ทาวน์เวอร์"ซึ่งเป็นโครงการอาคารสำนักงานคุณภาพใจกลางย่านรัชดา พร้อมเดินหน้าพัฒนาอาคารสำนักงานในเครือภายใต้แนวคิด Lifestyle Workplace ด้วยการเปิดตัว The Empire Food Lounge ณ อาคาร"เอ็มไพร์" ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ที่ช่วยสนับสนุนให้ อาคาร"เอ็มไพร์" สามารถคงรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ได้อย่างโดดเด่น โดยมีอัตราการรักษาผู้เช่า (Retention Rate) สูงถึงร้อยละ 99
นอกจากนี้ ในส่วนของอาคารบริษัทยังมุ่งพัฒนาอาคารสำนักงานให้ได้รับการรับรองตามมาตรฐานอาคารสีเขียว และการมีสุขภาวะที่ดีของผู้ที่มาใช้บริการโดยล่าสุดได้รับการรับรองมาตรฐาน FITWEL ระดับ 2 ดาว สำหรับอาคารสำนักงาน 4 แห่ง ได้แก่ อาคารเอ็มไพร์ อาคาร แอทธินี
ด้านศูนย์การค้า AWC เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับทุกโครงการ โดยมีการเปิด "Food Lounge" แห่งใหม่ที่ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัยในขณะที่ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ และพันธุ์ทิพย์ แอท งามวงศ์วาน มีผลการดำเนินงานดีเยี่ยมทั้งในด้านอัตราการเช่าและค่าเช่าพื้นที่ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับโครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่นได้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกด้วยการเปิดตัว "Jurassic World: The Experience"สุดยอดประสบการณ์เสมือนจริงแบบอิมเมอร์ซีฟที่ยิ่งใหญ่ใหม่ล่าสุดของโลกครั้งแรกในประเทศไทย ร่วมด้วย "Jurassic World: The Experience Fossil &Flame Restaurant" ห้องอาหารธีม Jurassic World แห่งแรกของโลกที่อยู่นอกสวนสนุก และโซน "Hatch Dome"ซึ่งรวบรวมประสบการณ์ด้านการเรียนรู้และความบันเทิงไว้ในที่เดียวในรูปแบบ Edutainment อาทิ "Better World Better Future", "Fossil Park" และ"Snake Gardenที่สนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตโดยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่โครงการได้ตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพิ่มการเติบโตของรายได้และผู้เช่าพร้อมสนับสนุนกรุงเทพฯและประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความบันเทิงและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก นอกจากนี้ ทางโครงการฯ ยังได้รับรางวัล "Mall of the Year Thailand" จากเวที Retail Asia Awards 2025 ตอกย้ำศักยภาพของเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น
AWC เดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอคุณภาพสร้างความโดดเด่นให้การท่องเที่ยวของไทยอย่างต่อเนื่องด้วยการเตรียมเปิดตัวโครงการคุณภาพในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ Lannatique Kalare จุดหมายปลายทางแห่งศิลปวัฒนธรรมล้านนารูปแบบใหม่ใจกลางเชียงใหม่ควบคู่กับการบริหารโครงสร้างทางการเงินอย่างแข็งแกร่งและการควบคุมต้นทุนทางการเงินอย่างมีวินัย โดยคงความเป็นผู้นำด้านโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมรักษาวินัยทางการเงินในระดับสูงอย่างต่อเนื่องซึ่งช่วยลดความเสี่ยง เสริมความยืดหยุ่นในการลงทุน และรองรับการเติบโตระยะยาวอย่างมั่นคง
ทั้งนี้ บริษัทยังได้รับแรงสนับสนุนเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" ซึ่งช่วยกระตุ้นดีมานด์ของนักท่องเที่ยวในประเทศโดยเฉพาะโรงแรมในหัวหินและพัทยาที่ได้รับความนิยมสูงสุด ขณะเดียวกันความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกที่มีเครือข่ายนักท่องเที่ยวคุณภาพกว่า 710 ล้านคนทั่วโลก ยังช่วยเพิ่มสัดส่วนการจองตรง (Direct Booking)สูงถึงร้อยละ 70ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับยอดจองของโรงแรมในเครือ โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ สมุย กระบี่และพัทยา ที่มียอดจองล่วงหน้าเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
AWC ยังคงมุ่งมั่นในพันธกิจ "Building Better Future For All"ผ่านการพัฒนาโครงการที่สร้างคุณค่าอย่างรอบด้านให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยบริษัทได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลิสต์ Fortune Southeast Asia 500 เป็นครั้งแรก สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจในระดับภูมิภาคพร้อมทั้งได้รับคะแนนความยั่งยืนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญจากการจัดอันดับของ S&P Global และได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) กลุ่มตลาดเกิดใหม่ FTSE4Good Index Series และ SET ESG Ratings ระดับ AA ประจำปี 2567