AAV กำไร FX-น้ำมันลงหนุนงบ Q2/68 โตพุ่ง แม้ขาดทุนการดำเนินงานหลัก ครึ่งหลังเน้นขยายอินเดีย-เวียดนาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 14, 2025 12:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น [AAV] เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/68 ที่ 214.2ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,324.4 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (225.6) ล้านบาทในไตรมาส 2

ปี 2567 โดย EBITDA อยู่ที่ 634.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไร EBITDA ที่ 6.5%

ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานหลักอยู่ที่ (845.3) ล้านบาท เทียบกับกำไรจากการดำเนินงานหลักจานวน 264.5 ล้านบาทในไตรมาส 2/67

ส่วนรายได้จากการขายและบริการ 9,820.3 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง 3% และค่าโดยสารเฉลี่ยที่ลดลง 13% มาอยู่ที่ 1,676 บาทต่อคน ต้นทุนการขายและบริการลดลง 2%มาอยู่ที่ 9,737.0 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง และต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับสนามบินที่ลดลง ตามการปรับลดปริมาณที่นั่งในเส้นทางระหว่างประเทศ

ทั้งนี้รายได้ต่อที่นั่งต่อกิโลเมตร (RASK) อยู่ที่ 1.63 บาท ลดลง 17% ขณะที่ต้นทุนต่อที่นั่งต่อกิโลเมตรที่ไม่รวมค่าน้ำมัน

เชื้อเพลิง (CASK ex-fuel) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3% มาอยู่ที่ 1.26 บาท

ในไตรมาส 2/68 บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) มีจำนวนผู้โดยสาร 4.8 ล้านคน ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีการเพิ่มปริมาณที่นั่งขึ้น 8% เป็น 5.9 ล้านที่นั่ง ส่งผลให้อัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 82% ลดลงจาก 91% ในไตรมาส 2/67

สำหรับเส้นทางบินในประเทศ TAA ขนส่งผู้โดยสาร 3.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัย

หนุนจากการเพิ่มปริมาณที่นั่งที่ให้บริการ 20% ซึ่งการขยายเส้นทางบินส่วนใหญ่มาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่งผลให้สายการบินยังคงรักษาส่วนแบ่งผู้โดยสารในประเทศไว้ได้ที่ 41% ในไตรมาส 2/68 ในทางกลับกัน TAA ได้ปรับลดปริมาณที่นั่งในเส้นทางระหว่างประเทศลง 9%เพื่อให้สอดคล้องกับจานวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศที่ลดลง โดยขนส่งผู้โดยสารจานวน 1.5 ล้านคน ลดลง21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ตลาดเอเชียใต้ นำโดยอินเดียยังคงเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง โดยมีจำนวนผู้โดยสารเติบโต 10% ในขณะที่ตลาดเวียดนามจำนวนผู้โดยสารเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เที่ยวบินเสรีภาพการบินที่ 5 (Fifth Freedom) ยังคงสร้างผลการดาเนินงานได้ดีกว่าเส้นทางบินระหว่างประเทศส่วนใหญ่ โดยมีการเปิดเส้นทางบินใหม่ในช่วงเดือนมิถุนายนได้แก่ ดอนเมือง-ฮ่องกง-โอกินาวา และ เชียงใหม่-ไทเป-ชิโตเสะ

ในครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 24,903.7 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3% โดยรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่

23,045.2 ล้านบาท ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากค่าโดยสารเฉลี่ยที่ลดลงเหลือ 1,821 บาท หรือ
ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสัดส่วนผู้โดยสารในประเทศที่สูงขึ้นและการปรับราคาเพื่อกระตุ้นปริมาณการขาย

ทั้งนี้ บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 3,987.8 ล้านบาท ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี

2568 อยู่ที่ 1,601.5 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ (325.0) ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1,435.1 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานหลักจะอยู่ที่ 453.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 70 จากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน
*H2 หันไปเพิ่มเส้นทางอินเดีย-เวียดนามทดแทนจีน

บริษัทยังคงมีมุมมองอย่างระมัดระวังต่อการฟื้นตัวของตลาดจีน ซึ่งยังไม่มีมีแนวโน้มกลับสู่ระดับที่เคยเป็นจนกว่าจะมี

สัญญาณการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ หรือมาตรการที่ช่วยลดความกังวลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ด้วยเหตุนี้ TAA จะบริหารเส้นทางจีนอย่างรอบคอบในช่วงครึ่งปีหลัง ควบคู่ไปกับการปรับจำนวนที่นั่งที่ให้บริการไปยังจุดหมายที่มีการเติบโตสูง

สำหรับตลาดในประเทศ TAA จะยังคงขยายเครือข่ายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์การปฏิบัติการบินผ่าน 2 สนามบิน และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้เที่ยวบินภายในประเทศที่บินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ(BKK) จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของเที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมด ทั้งนี้ แม้สายการบินในตลาดมีการเพิ่มจำนวนที่นั่งที่ให้บริการจำนวนมาก ซึ่งทำให้ราคาตั๋วโดยสาร

เฉลี่ยปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่คาดว่าจะยังไม่ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคา โดยในไตรมาส 3/68 คาดว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศจะมีความคึกคักขึ้นในระยะสั้นจากโครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" ของภาครัฐ

สำหรับตลาดระหว่างประเทศ TAA จะเพิ่มความถี่เที่ยวบินในช่วงครึ่งปีหลังไปยังตลาดที่เติบโตสูง เช่น อินเดียและเวียดนาม ซึ่งวางแผนจะเพิ่มที่นั่ง 1520% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหาโอกาสเปิดเที่ยวบิน Fifth Freedom มากขึ้น รวมทั้งเปิดเที่ยวบินตามฤดูกาลท่องเที่ยว เช่น ดอนเมืองคยา เป็นต้น ทั้งนี้ จากจุดเด่นด้านความเป็นผู้นำในเรื่องการตรงต่อเวลา ซึ่งล่าสุดในเดือนมิถุนายนได้รับการจัดอันดับสูงสุดในกลุ่มสายการบินในเอเชียแปซิฟิกโดย Cirium การมีบริการเสริมที่ครบถ้วนบนแพลตฟอร์ม OTA รายสำคัญ และการตั้งราคาค่าโดยสารที่เหมาะสม จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารและยอดขาย

TAA คาดว่าช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ จะยังคงเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่ต่ำที่สุดของปี ก่อนจะฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 อย่างไร

ก็ดี จากข้อมูลการจองตั๋วโดยสารรายเดือนมีแนวโน้มว่าเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอาจเป็นจุดต่ำสุดของผลการดำเนินงานใน
ปีนี้ ทั้งนี้ จากการเน้นสร้างความเป็นผู้นำในตลาดภายในประเทศ จะทำให้สัดส่วนที่นั่งที่ให้บริการในปีนี้ระหว่างตลาดในประเทศและตลาดระหว่างประเทศอยู่ 66% ต่อ 34% อย่างไรก็ตาม จากราคาโดยสารต่อหน่วย (Yield) ที่มีแนวโน้มลดลงในหลายตลาดบริษัทจึง คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ใกล้เคียงกับในช่วงครึ่งปีแรก

ส่วนด้านการบริหารฝูงบิน ในช่วงไตรมาส 4 บริษัทยังคงมีแผนรับมอบเครื่องบิน A321neo จำนวน 2 ลำซึ่งจะทำให้จำนวนฝูงบินรวม ณ สิ้นปีอยู่ที่ 64 ลำ ลดลงจากแผนเดิมที่ 66 ลำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ